Author: pure

  • การดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์

    การดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์

    การดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ โรคอัลไซเมอร์ เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป เกิดจากการเสื่อมตัวลงเรื่อย ๆ ของประสาทสมอง ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความฉลาด ไม่ว่าจะเป็น ความจำ ความรู้สึกนึกคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจและการใช้เหตุผล ทำให้ไม่สามารถทำกิจวัตรของตนเองได้ตามปกติ มีความผิดปกติของการใช้คำพูดหรือการเข้าใจความหมายในคำพูด มีความผิดปกติในสิ่งที่เห็น และสิ่งที่รู้สึก นอกจากนี้แล้วยังมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงด้วย จากตอนแรกที่เฉยเมย มาเป็นเซื่องซึม ต่อมาก็เริ่มวุ่นวายและประสาทหลอน นอนไม่หลับ หากมีญาติพี่น้องใกล้ชิดเป็นโรคอัลไซเมอร์ ลูกหลานก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย โรคนี้มักจะหลงลืมและมีความผิดปกติจนมีผลต่อการงานและการเข้าสังคม รวมไปถึงครอบครัวด้วย มักจะมีอาการแสดงได้แก่ มักจะหลงลืมบ่อย ๆ หรือลืมในสิ่งที่เพิ่งทำ เพิ่งพูดไป หรือใช้คำผิดที่ทำให้คนฟังไม่เข้าใจ หลงทางกลับบ้านไม่ถูก แต่งตัวไม่ถูกกาละเทศ บวกลบเลขง่าย ๆ หรือจำตัวเลขไม่ได้ รวมไปถึงมักเก็บข้าวของผิดที่เช่น เอาเตารีดไปแช่ตู้เย็น มีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่มีสาเหตุ บุคลภาพเปลี่ยนแปลงไป และเฉื่อยชาไม่สนใจที่จะทำอะไรเหมือนเดิม การรักษาโรคนี้จำเป็นต้องอาศัยญาติพี่น้องในการดูแล นอกจากจัดให้กินยารักษาอาการหลงลืมและควบคุมพฤติกรรมที่ผิดปกติแล้ว ยังต้องคอยดูแลให้ปลอดภัย ให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกาย หากิจกรรมให้ทำ และให้คำแนะนำในการทำกิจวัตรต่าง ๆ เช่น กินข้าว อาบน้ำ ใส่เสื้อผ้า และคอยห้ามไม่ให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่อาจเสี่ยงอันตรายอย่างการขับรถหรือทำอาหารด้วย ฯลฯ…

  • ทำความเข้าใจกับโรคหลอดเลือดสมองกัน

    ทำความเข้าใจกับโรคหลอดเลือดสมองกัน

    ทำความเข้าใจกับโรคหลอดเลือดสมองกัน โรคหลอดเลือดสมอง คืออาการที่มีสาเหตุมาจากหลอดเลือดในสมองถูกอุดกั้นอย่างทันที ทำให้เลือดไหลผ่านไม่ได้ สมองจึงขาดออกซิเจนและสารอาหารอื่น ๆ เรียกว่า ภาวะเส้นเลือดสมองตีบหรือสมองขาดเลือดจากลิ่มเลือดอุดตันก็ได้เช่นกัน ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ได้แก่การที่เส้นเลือดสมองแตกจะทำให้มีเลือดไหลซึมอยู่รอบ ๆ เนื้อสมอง เซลล์ประสาทที่อยู่ในสมองจะขาดออกซิเจนและสารอาหารก็จะตายอย่างรวดเร็วเช่นกัน รวมไปถึงร่างกายในส่วนที่เซลล์ประสาทเหล่านี้ควบคุมอยู่ด้วย ซึ่งมักจะเป็นไปอย่างถาวร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูแลผู้ป่วยให้เร็วที่สุดเพื่อลดความพิการทั้งทางร่างกายและจิตใจในระยะยาว ซึ่งจะรักษาได้ดีที่สุดหากได้รับความช่วยเหลือให้มาถึงโรงพยาบาลภายในสามชั่วโมงที่เกิดอาการ มิเช่นนั้นอาจช้าเกิดนกว่าจะได้รับการรักษาให้กลับมาดีขึ้นได้ อาการแสดงของโรคหลอดเลือดสมองที่พบบ่อยและเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดก็คือ – มีอาการอ่อนแรงหรือชาที่ใบหน้า แขนขา ซึ่งมักเป็นที่ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย – พูดไม่ออกหรือฟังไม่เข้าใจ – มองเห็นภาพพร่ามัว หรือมองไม่เห็น อาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้าง – เวียนหัว การทรงตัวไม่ดี – ปวดศีรษะอย่างรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งผลจากโรคนี้ขึ้นอยู่กับว่าสมองมีการอุดตันของเลือดที่บริเวณใด อาจมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือเกิดเป็นระยะเวลาแค่สั้น ๆ ไม่กี่นาที เรียกว่าสมองขาดเลือดชั่วคราวหรืออัมพฤกษ์ แม้จะเป็นอาการไม่รุนแรงหรือเป็นแค่เวลาสั้น ๆ อย่างไรก็ควรรีบส่งโรงพยาบาลโดยด่วน  

  • ปรับพฤติกรรมและการใช้ชีวิตลดโรคความดันโลหิตสูงได้

    ปรับพฤติกรรมและการใช้ชีวิตลดโรคความดันโลหิตสูงได้

    ปรับพฤติกรรมและการใช้ชีวิตลดโรคความดันโลหิตสูงได้ ในประเทศไทยเองมีผุ้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่รู้ตัวว่าป่วยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนมากเพราะไม่แสดงอาการออกมา บางรายอาจแค่มึนงง หรือปวดหัวบริเวณท้ายทอย จึงไม่ไปตรวจรับการรักษา เมื่อเป็นนาน ๆ เข้า หลอดเลือดแดงในร่างกายจึงแข็งตัวและตีบตัน เลือดจึงไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ไม่พอ เกิดภาวะหัวใจโต ไตเสื่อม จนไตวายได้ เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกอาจเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้ โรคนี้จึงอันตรายมากเพราะเป็นโรคแอบแฝง แต่สามารถคร่าชีวิตเราได้ทุกเมื่อ ผู้ใหญ่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทยด้วยนั้น มีภาวะป่วยเป็นความดันโลหิตสูงถึง 1 ใน 3 คน เสียชีวิตปีละ 1.5 ล้านคนเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตสูง ควารดูแลตนเองด้วยหลัก 3 ข้อดังต่อไปนี้ 1. รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อย่าให้อ้วนเกินไป มีค่า BMI อยู่ระหว่าง 18.5-22.9 2. เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย รสชาติพอดีไม่ปรุงแต่งมากเกินไปจนเค็ม หวานหรือมัน ชิมอาหารก่อนปรุงทุกครั้ง ทานผักและผลไม้ที่ไม่หวานให้มากขึ้น เลือกอบายมุขทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และน้ำหวานน้ำอัดลมต่าง ๆ ด้วย 3. หมั่นขยับเขยื้อนร่างกายเสมอ…

  • ฟังประสบการณ์ที่คุณภรรยาสามารถช่วยเหลือให้สามีเลิกบุหรี่สำเร็จได้

    ฟังประสบการณ์ที่คุณภรรยาสามารถช่วยเหลือให้สามีเลิกบุหรี่สำเร็จได้

    ฟังประสบการณ์ที่คุณภรรยาสามารถช่วยเหลือให้สามีเลิกบุหรี่สำเร็จได้!!! วันนี้ขอนำประสบการณ์ของคุณภรรยาท่านหนึ่ง ที่สามารถช่วยให้สามีเลิกบุหรี่ได้สำเร็จมาฝากกัน เผื่อคุณภรรยาท่านใดจะนำไปช่วยเหลือคุณสามีบ้างนะคะ เรื่องมีอยู่ว่าคุณภรรยาท่านนี้ คลอดลูกก่อนกำหนดและเด็กมีน้ำหนักแรกคลอดน้อยมาก ซึ่งหมอบอกว่าเพราะสามีสูบบุหรี่มากกว่ายี่สิบมวนต่อวันทั้งในบ้านและนอกบ้าน จึงกระทบต่อการตั้งครรภ์ เด็กโตช้ากว่าปกติ คุณสามีทราบดังนี้จึงอยากเลิกบุหรี่ แต่ก็เลิกได้เพียงเดือนเดียวก็กลับมาสูบอีก แม้จะไม่สูบในบ้านก็ตาม ควันบุหรี่ทำให้ลูกป่วยบ่อย เป็นหวัดเรื้อรัง หายใจลำบาก คุณภรรยาจึงตัดสินใจหาความรู้จากคู่มือและเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเหลือคุณสามีให้เลิกบุหรี่ได้ เธอทำแบบนี้ค่ะ 1. ให้กำลังใจเขาเสมอ ไม่พูดให้คุณสามีเสียกำลังใจ แสดงความห่วงใยต่อสุขภาพของตัวเขาและรับผิดชอบสุขภาพของคนอื่นในครอบครัว 2. เนื่องจากสามีเป็นทหาร ภรรยาจึงได้เชิญหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานของสามีมาเป็นพยานในพิธีสัจจะอธิษฐานไม่สูบบุหรี่ ให้สามีนำบุหรี่ไฟแช็คใส่พานถวายเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรฯ ทำให้ตั้งแต่วันนั้นมาสามีไม่แตะต้องบุหรี่อีกเลย 3. ช่วยให้สามีได้ออกกำลังกายทุกวัน วันละสามสิบนาทีขึ้นไป การออกกำลังกายทำให้หลั่งเอนโดรฟีนออกมามากขึ้น และได้ทำแปลงผักปลูกผักสวนครัวไว้รอบ ๆ บ้านด้วย 4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเนื้อสัตว์ รสเผ็ด หรือมัน เพราะจะทำให้อยากบุหรี่ เมื่อมีความอยากให้อมลูกอม มะขามป้อมหรือมะนาว และงดกิจกรรมไปสังสรรค์กินเหล้ากับเพื่อน ๆ ซึ่งอาจกลับไปสู่การสูบบุหรี่ได้อีก ภายหลังจากที่สามีเลิกบุหรี่ได้ ชีวิตในครอบครัวก็กลับมาผาสุกเช่นเดิม ลูกชายก็แข็งแรงขึ้น สามีดูมีผิวพรรณที่สดใสขึ้น ไม่มีกลิ่นบุหรี่ติดตามเสื้อผ้าหรือลอยในห้องน้ำอีก นอกจากนี้แล้วยังสามารถเก็บเงินจากค่าบุหรี่และค่าขายผักสวนครัวเพิ่มได้อีกเดือนละกว่าสองพันบาทด้วย คุณภรรยาคนไหนอยากให้สามีเลิกบุหรี่ลองนำเอาวิธีของเธอคนนี้ไปปรับใช้ได้นะคะ  

  • ทำความรู้จักกับ…ไวรัสตับอักเสบซี

    ทำความรู้จักกับ…ไวรัสตับอักเสบซี

    ทำความรู้จักกับ…ไวรัสตับอักเสบซี ส่วนใหญ่แล้วคนไทยมักจะคุ้นเคยกับโรคไวรัสตับอักเสบเอ และบี กันมากกว่า โรคไวรัสตับอักเสบซีนะคะ ความจริงแล้วโรคนี้เป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทยในปัจจุบันเลยทีเดียว มีผู้ที่ติดเชื้อนี้ไปแล้วกว่า แปดแสนคน ซึ่งเกือบทั้งหมดจะอยู่ในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดผ่านเข็มร่วมกับผู้อื่น เชื้อไวรัสตับอักเสบซีนี้จะอยู่ในเลือดและน้ำคัดหลั่งส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ติดต่อสู่ผู้อื่นคล้ายโรคไวรัสตับอักเสบบีและเอดส์ ผู้ที่มีกลุ่มเสี่ยงก็ได้แก่ กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดที่ใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น การสักหรือการเจาะผิวหนัง การฝังเข็ม การใช้เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ หรือติดต่อจากการทำฟัน รวมไปถึงเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกก็ด้วย ส่วนมากมักจะติดต่อกันทางเลือดมากกว่าทางเพศสัมพันธ์ อาการของไวรัสตับอักเสบซีนี้จะมีอาการ ตัวเหลือง ดีซ่าน ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย บวม มีน้ำในช่องท้อง การจะคัดแยกผู้ป่วยต้องผ่านทางห้องปฏิบัติการเท่านั้นจึงจะทราบ อาการของผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่จะแสดงออกมาหลังจาก 10 ปีผ่านไปแล้ว เข้าสู่ปีที่ 12 จะเริ่มแสดงอาการตับอักเสบเรื้อรังมากขึ้น และเมื่อผ่านไป 30 ปี ตับก็จะถูกทำลายจนมีอาการของตับแข็ง ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งจะเป็นมะเร็งตับ การดำเนินโรคของโรคนี้จะเป็นไปโดยช้า ๆ ผู้ป่วยไม่เคยรู้ตัวเลยว่ามีโรคนี้ซ่อนอยู่หากไม่ได้ตรวจเลือด มีผู้ติดเชื้ออยู่ประมาณร้อยละ 15-20 ที่หายได้เอง แต่ส่วนใหญ่แล้วหากไม่ได้รับการรักษาก็มักจะกลายเป็นโรคตับแข็ง มะเร็งตับในที่สุด โรคไวรัสตับอักเสบซีนี้ยังไม่มีไวรัสป้องกันเหมือนไวรัสตับชนิดอื่น…

  • ดับความร้อนในร่างกายด้วยอาหารฤทธิ์เย็น

    ดับความร้อนในร่างกายด้วยอาหารฤทธิ์เย็น

    ดับความร้อนในร่างกายด้วยอาหารฤทธิ์เย็น อาหารที่มีฤทธิ์ร้อนและฤทธิ์เย็น เป็นศาสตร์ที่มีมาช้านานแล้วทั้งในการแพทย์แผนจีน การแพทย์แผนอินเดีย ทั้งสองศาสตร์คือการใช้อาหารสร้างสมดุลให้กับร่างกาย โดยเฉพาะในฤดูที่มีอากาศร้อนนี้ แทนที่จะกินแต่น้ำหวาน ไอศกรีม น้ำแข็ง ควรเลือกทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นเพื่อรักษาร่างกายให้สบายไว้จะดีกว่า ลักษณะของอาหารที่มีฤทธิ์เย็น ก็คืออาหารที่มีรสชาติจืด หรือหวานจากธรรมชาติ ไม่จัดจ้านมากเกินไปนัก มีเส้นใยอาหารสูง พลังงานต่ำ แบ่งได้ตามลักษณะของพืชด้วย ก็คือเป็นพืชที่อยู่สูงใกล้แสงแดด เพราะพืชเหล่านี้สร้างความเย็นให้กับตัวเองเพื่อสูกับอากาศร้อน เช่น มะพร้าวอ่อน หากแบ่งจากสีสันจะมีสีอ่อน สีขาว หรือเขียว ส่วนสีเหลืองจะเป็นสีกลาง หากแบ่งตามลักษณะของอาหารเวลาทานจะรู้สึกชุ่มคอ ไม่ระคายเคือง เรียกว่ามีฤทธิ์เย็น ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของอาหารในกลุ่มฤทธิ์เย็น – กลุ่มแป้ง ได้แก่ น้ำตาลธรรมชาติ เส้นหมี่ เส้นก๊วยเตี๋ยวไม่คลุกน้ำมัน ข้าวซ้อมมือ วุ้นเส้น ข้าวกล้อง ฯลฯ – กลุ่มให้โปรตีน ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วขาว – กลุ่มผัก ได้แก่ ตำลึง ผักหวาน บวบ ฟัก แตงต่าง ๆ สายบัว หยวกกล้วย…

  • แยกความแตกต่าง และทำความเข้าใจ ความดันโลหิตสูง กับ ความดันโลหิตต่ำ

    แยกความแตกต่าง และทำความเข้าใจ ความดันโลหิตสูง กับ ความดันโลหิตต่ำ

    แยกความแตกต่าง และทำความเข้าใจ ความดันโลหิตสูง กับ ความดันโลหิตต่ำ เชื่อได้เลยว่า หากพูดถึงคำว่าโรคความดันโลหิตสูง ผู้อ่านต้องเข้าใจว่าสูงเกินตัวเลข 140/90 มิลลิเมตรปรอทเป็นแน่ แต่ความจริงแล้วการจะบอกว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงนั้น ต้องพิจารณามากกว่าตัวเลขบนเครื่องวัด โดยทั่วไปคนมักเข้าใจว่าอาการของโรคความดันโลหิตสูงก็คือ ปวดหัว เวียนหัว แต่ความจริงแล้วคนไข้ที่มาด้วยอาการปวดหัวจากความดันโลหิตสูงนั้นมีไม่กี่ราย และทุกรายจะมีความดันสูงมากชนิดเฉียบพลันซึ่งเกิดจากโรคได้น้อย มักพบว่าเกิดจากความเครียดหรือความกลัวเมื่อปวดศีรษะจนทำให้ความดันสูงได้ คนที่มีความดันโลหิตสูงแล้วอาจไม่มีอาการให้เห็น แต่ถ้าจะแสดงอาการก็แสดงว่าผลของความดันสูงนั้นกระทบต่อหลอดเลือดและหัวใจแล้ว ทำให้เกิดหัวใจโต บีบเลือดไม่ปกติ หัวใจล้มเหลว เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ตามัว ไตเสื่อม กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นต้น การวัดความดันโลหิตนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะหากความดันสูงไม่จริงแล้วไปกินยาลดเข้าก็จะเป็นอันตรายได้ ความดันโลหิตของคนเรามีปัจจัยทำให้แกว่งขึ้นลงได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความเจ็บปวด ตื่นเต้น ตกใจ กังวล เครียด การวัดความดันโลหิตจึงต้องให้ผู้ป่วยนั่งพักให้สบายและผ่อนคลายก่อน แล้วจึงวัดหลาย ๆ รั้งแล้วค่อยนำค่ามาพิจารณา บางครั้งแพทย์อาจต้องพิจารณาสภาพร่างกายและความเจ็บป่วยด้วยไม่ใช่ดูแค่ตัวเลขเท่านั้น ในส่วนของความดันโลหิตต่ำนั้น มักเข้าใจกันผิดบ่อย ๆ เพราะมันไม่ใช่โรคแต่เป็นความผิดปกติของแรงดันโลหิต มักเกิดในผู้ป่วยหนัก เช่น บาดเจ็บรุนแรงจนเสียเลือดมาก เสียน้ำและเกลือแร่มาก โลหิตเป็นพิษ หัวใจล้มเหลว หรือระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ เป็นต้น บางครั้งก็พบได้ในผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูง…

  • โรคตับอักเสบชนิดเรื้อรัง

    โรคตับอักเสบชนิดเรื้อรัง

    โรคตับอักเสบชนิดเรื้อรัง ภาวะตับอักเสบเรื้อรังนั้นหมายถึง การอักเสบของตับที่นานเกินกว่าหกเดือนขึ้นไป ตรวจเลือดแล้วพบร่องรอยการอักเสบ มีสาเหตุมาจากพิษสุราเรื้อรัง พิษจากยาหรือสมุนไพรบางชนิด การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ไขมันพอกตับ หรือภาวะภูมิต้านทานตนเอง ไม่ว่าจะมีสาเหตุจากข้อใดก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ ซึ่งในที่นี้จะขอกล่าวถึงโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบบีหรือไวรัสตับอักเสบซีซึ่งสามารถป้องกันและลดอันตรายลงได้ โรคนี้จะไม่แสดงอาการใด ๆ จนกว่าจะเกิดโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับแทรกซ้อน บางรายไม่มีอาการแต่ตรวจเลือดพบได้ อาจมีอาการได้แก่ รู้สึกอ่อนเพลียซึ่งมักเป็นมากขึ้นตอนบ่ายหรือเย็น นอกจากนี้ยังมีไข้ต่ำ ๆ คลื่นไส้เบื่ออาหาร ท้องอืดเฟ้อ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อเป็นต้น ในระยะท้ายที่เริ่มเป็นตับแข็งและมะเร็งตับแล้วก็จะมีอาการอ่อนเพลีย ดีซ่าย น้ำหนักลด ท้องบวม เท้าบวม ยิ่งหากเป็นผู้ที่มีพี่น้องเป็นพาหะของโรคนี้หรือเป็นโรคตับอักเสบอยู่แล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือด และหากพบว่าเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสควรปฏิบัติตามดังนี้ 1. พบแพทย์ กินยา และเข้ารักษาตามเวลา ซึ่งอาจกินเวลาเป็นแรมปีหรือตลอดชีวิต 2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด 3. ห้ามบริจาคเลือด 4. หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยา มีดโกน หรือแปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น 5. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ 6. ไม่ควรซื้อยากินเอง เพราะยาบางชนิดมีพิษต่อตับทำให้อักเสบรุนแรงได้ ในส่วนของการป้องกันสามารถทำได้โดย 1. ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิดบี 2. ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์…

  • ภาวะฮีตสโตรกคืออะไร?

    ภาวะฮีตสโตรกคืออะไร?

    ภาวะฮีตสโตรกคืออะไร? ฮีตสโตรกก็คือ โรคลมแดดนั่นเอง มีสาเหตุมาจากร่างกายไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความร้อนที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายในร่างกายได้ ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงเสียชีวิตได้ แบ่งออกเป็นสามกลุ่มได้แก่ 1. ฮีตสโตรกจากการออกกำลังกายหนัก มักเกิดในกลุ่มผู้ที่แข็งแรงมาก่อน เช่น นักกีฬา เด็กวัยรุ่น เด็กโต ทหารเกณฑ์ที่ฝึกกลางอากาศร้อนจัด ผู้ที่ไม่ฟิตแต่ออกกำลังกายเกินตัว ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องมีปัจจัยร่วมกับอากาศร้อนภายนอกด้วย 2. Classical Hear Stroke มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ มีโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยที่ต้องกินยาประจำหรือผู้ป่วยที่นอนติดเตีรยง เด็กเล็กที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ 3. ฮีตสโตรกจากการใช้ยาหรือสารเคมีบางอย่าง เช่น ยาระงับประสาทบางตัว แอมเฟตามีน โคเคน ยาคลายกล้ามเนื้อเป็นต้น ฯลฯ อาการของฮีตสโตรกนี้ได้แก่ มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 41 องศาเซลเซียยศ กระสับกระส่าย มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป หูแว่ว เห็นภาพหลอน ชักเกร็งและโคม่า ถือเป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องรีบรักษาโดยทันที ด้วยการนำส่งโรคพยาบาลโดยเร็วที่สุดจะลดอัตราการเสียชีวิตได้ เมื่อพบเห็นผู้ที่มีอาการเช่นนี้ ให้รีบเข้าไปปฐมพยาบาล ด้วยการถอดเสื้อผ้าออก พ่นละอองฝอยของน้ำเป็นสเปรย์ละเอียดโดยใช้ละอองน้ำอุ่นร่วมกับการเปิดพัดลมเป่าช่วยจะระบายความร้อนได้ หรืออาจนำถุงน้ำแข็งวางบริเวณซอกรักแร้ ขาหนีบไปด้วย โรคนี้ถ้าเป็นขึ้นมาแล้วการรักษาจะยุ่งยากมาก ควรป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า – อากาศร้อน ๆ…

  • รู้จักกับโรคธาลัสซีเมีย

    รู้จักกับโรคธาลัสซีเมีย

    รู้จักกับโรคธาลัสซีเมีย โรคธาลัสซีเมียคือ โรคทางเลือดชนิดหนึ่งที่ติดต่อได้ทางกรรมพันธุ์ มีการสร้างฮีโมโกลบินทำให้เม็ดเลือดแดงผิดปกติและแตกง่าย ทำให้เกิดอาการซีด เลือดจางเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคนี้มักจะได้รับยีนที่ผิดปกติมาจากพ่อแม่ มีอาการก็คือ ซีด ตัวเหลือง ตับและม้ามโตทำให้ท้องป่องและแน่นอึดอัด ตัวแคระแกร็น ใบหน้ามีลักษณะผิดปกติในทางการแพทย์เรียกว่า ใบหน้าธาลัสซีเมีย มีดั้งจมูกแฟบ ตาห่างกัน กระดูกโหนกแก้ม หน้าผากและขากรรมไกรด้านบนนูนแน่น ถ้าซีดมากจะเหนื่อยต้องให้เลือด แต่ถ้ารุนแรงอาจต้องได้รับเลือดทุกสองอาทิตย์หรือทุกเดือน และเลือดที่ได้รับไปมาก ๆ นั้นจะไปทำลายเนื้อเยื่อต่าง ๆ จนเกิดโรคตามมาได้อีก การรักษาโรคธาลัสซีเมียสามารถทำได้ดังต่อไปนี้ – ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงมีอนามัยดี กินอาหารที่ช่วยสร้างเลือดได้แก่ นม ไข่ ถั่ว และดื่มน้ำชาเพื่อลดการดูดซึมธาตุเหล็กจากลำไส้ – ให้เลือด ซึ่งแบ่งออกเป็นการให้เลือดเพื่อประคับประคองให้หายอ่อนเพลีย มึนงงจากการขาดออกซิเจน และการให้เลือดจนกว่าจะหายซีด เพิ่มระดับฮีโมโกลบินให้สูงใกล้เคียงคนปกติ – การรักษาโดยการตัดม้าม จะทำให้หายอึดอัดและอัตราการให้เลือดจะลดลงมาก แต่อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่าย – ให้ยาขับธาตุเหล็ก – การปลูกถ่ายไขกระดูกทำให้หายขาดได้โดยการใช้ไขกระดูกของพี่หรือน้องที่มีเม็ดเลือดขาวเข้ากันได้กับผู้ป่วย ไปปทดแทนให้ผู้ป่วย วิธีนี้มีโอกาสหายขาดได้ร้อยละ 70-80 โรคธาลัสซีเมียนี้เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้มากในเมืองไทย มีอาการเรื้อรังและรักษาให้หายขาดได้ยาก คู่สามีภรรยาสามารถลดความเสี่ยงการมีลูกเป็นธาลัสซีเมียได้ด้วยการคุมกำเนิดไว้ หรือเลือกใช้อสุจิผู้อื่นแทน หรือจะใช้วิธีปฏิสนธิในหลอดแก้วแทน