Author: pure
-
วิธีป้องกันการกลับมาเป็นนิ่วในไตซ้ำอีกหน
วิธีป้องกันการกลับมาเป็นนิ่วในไตซ้ำอีกหน สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคนิ่วในไตมาก่อนแล้ว คงจำความเจ็บปวดและความยากลำบากนั้นได้ หากไม่อยากกลับมาเป็นนิ่วในไตอีกหน ควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ดื่มน้ำให้มาก ให้ได้วันละสองลิตรหรือประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อลดความเข้มข้นและความอิ่มตัวของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ และลดโอกาสนการก่อผลึกนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ 2. เลี่ยงการดื่มกาแฟเข้มข้น เพราะจะทำให้ปัสสาวะมีแคลเซียมสูงขึ้น 3. ผู้ป่วยที่มีนิ่วแบบแคลเซียมควรงดอาการเค็มที่มีเกลือโซเดียม เนื่องจากมีผลต่อการขับแคลเซียม 4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ปัสสาวะมากเกินไปจนอาจขาดน้ำ 5. งดอาหารที่มีพิวรีนสูง อย่างสัตว์ปีก เครื่องใส ถั่ว โปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพราะจะเพิ่มการขับแคลเซียม กรดออกซาเลตและยูริกออกมาในปัสสาวะ 6. งดอาหารที่มีสารออกซาเลตสูง ๆ ด้วย ได้แก่ ใบยอ ชะพลู ผักขม ช็อกโกแลต ถั่ว ชา ฯลฯ 7. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อระบายความเครียด จะป้องกันการเกิดนิ่วในไตซำได้ หากออกกำลังกายจนสูญเสียเหงื่อมากต้องดื่มน้ำชดเชยให้พอเพียง 8. ผู้ที่ทำงานหนักในที่มีอากาศร้อนก็ควรต้องดื่มน้ำชดเชยเช่นกัน และต้องดื่มน้ำประจำทั้งวันด้วย สำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองจะมีอาการของนิ่วในไตหรือเปล่า ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาและหาวิธีรักษาและป้องกันร่วมกัน…
-
หากสงสัยว่าตนเองเป็นไข้เลือดออกจะรักษาอย่างไรดี
หากสงสัยว่าตนเองเป็นไข้เลือดออกจะรักษาอย่างไรดี ในฤดูฝนต่อฤดูหนาวนั้น เป็นช่วงเวลาที่ไข้เลือดออกระบาดมาก ยิ่งโดยเฉพาะเด็กที่มีอายุ 5-14 ปีแล้วยิ่งติดเชื้อและป่วยได้ง่ายมากกว่าเด็กโตและผู้ใหญ่ ตามแหล่งน้ำขังต่าง ๆ มักเป็นที่วางไข่ของยุงลายที่เป็นพาหะนำโรค หากคนในบ้านหรือหมู่บ้านป่วยเป็นไข้เลือดออกขึ้นมา ก็มักจะเพิ่มจำนวนผู้ป่วยขึ้นไปเรื่อย ๆ ดังนั้นหากมีอาการเป็นไข้ ปวดเมื่อเนื้อตัวในช่วงเวลาที่ไข้เลือดออกระบาดแบบนี้ ควรทานยาลดไข้แก้ปวดชนิดพาราเซตามอลเท่านั้น หากใช้ยาตัวอื่นอาจทำให้ผู้ป่วยช็อกได้ ไข้เลือดออกนี้เมื่อยุงที่มีเชื้อมากัดคนจะปล่อยเชื้อเข้าสู่ร่างกายและใช้เวลาฟักตัวอยู่ราว 5-8 วัน จึงแสดงอาการ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสามระยะดังนี้ 1. ระยะไข้สูง ประมาณ 2-7 วัน มักมีอาการปวดหัว ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามข้อและตามเนื้อตัว เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ปากแห้ง มีจุดเลือดขึ้นตามเนื้อตัวหรือมีเลือดกำเดาไหล 2. ระยะไข้ลด ไข้ที่สูงอยู่จะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังอ่อนเพลียและเบื่ออาหาร ยังควรต้องได้รับการดูแลใกล้ชิดอยู่ เพราะรายที่เป็นมากอาจถ่ายอุจจาระหรืออาเจียนเป็นเลือด ทำให้ช็อคและอาจเสียชีวิตได้ รายที่ไม่รุนแรงมากจะค่อย ๆ ทุเลาลง ทานอาหารได้ 3. ระยะฟื้นตัว หลังจากไข้ลดโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนแล้ว ผู้ป่วยจะดีขึ้น อาจมีผื่นแดงตามเนื้อตัว ทำให้คันได้ แต่จะหายได้เองใน 2-3 วัน และอาการอื่น…
-
นั่งทำงานจนปวดต้นคอ ทำอย่างไรดี?
นั่งทำงานจนปวดต้นคอ ทำอย่างไรดี? บรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ออฟฟิศทั้งหลายที่ต้องทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กันเป็นเวลานานๆ นั้นมักจะเคยปวดต้นคอกันมาแล้วทุกคน ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีแก้ปัญหาต่างกันไป วันนี้จะขอเอาคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยบำบัดอาการปวดต้นคอของคุณ ดังต่อไปนี้ค่ะ – ไม่ควรนั่งเกร็งคออยู่หน้าจอต่อไป ควรหาทางให้กล้ามเนื้อได้พักผ่อน ควรนอนราบ หนุนหมอน และควรเลือกหมอนที่มีความนุ่มและยืดหยุ่นรับน้ำหนักของต้นคอ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งของก้านคอได้ดี และมีความหนาที่พอดี แบบที่เมื่อมองจากด้านข้างแล้วจะเห็นแนวของต้นคอเป็นเส้นตรงพอดี ไม่แหงนหรือก้ม – ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ่น หากใช้น้ำแข็งให้เลือกชนิดที่ทุบมาแล้วนำมาใส่ถุงพลาสติกแล้วห่อด้วยผ้าขนหนูก่อนจึงประคบ หรือหากใช้น้ำอุ่นให้น้ำผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำอุ่นจัด ๆ แล้วนำมาประคบบริเวณที่ปวดประมาณ 10-15 นาที – สามารถทานยาแก้ปวดพวกพาราเซตามอลหรือแอสไพรินได้ อาจใช้ครีมทาแก้ปวดได้ด้วย ไม่ควรนวดแรงเพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อฟกช้ำมากเกินไป – ทำกายภาพบำบัด ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ได้แก่การบริหารกล้ามเนื้อคอ การใส่ปลอกคอ (ซึ่งจำเป็นเฉพาะบางรายเท่านั้น) การถ่วงน้ำหนักดึงกระดูกคอ และการประคบบริเวณที่ปวดด้วยความร้อน ความเย็นหรือคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ อาการปวดต้นคอนี้มักจะหายไปภายใน 2-3 วัน หากยังไม่หายให้กินยาแก้ปวดต่อไป หลังนี้ผู้ป่วยควรฝึกเรียนรู้วิธีการบริหารกล้ามเนื้อต้นคอเพื่อให้คอเคลื่อนไหวได้ดีและแข็งแรงขึ้นไปด้วยค่ะ
-
มะเร็งตับ พบได้มากเป็นอันดับหนึ่งในผู้ชาย
มะเร็งตับ พบได้มากเป็นอันดับหนึ่งในผู้ชาย มะเร็งตับนั้นเป็นมะเร็งที่พบได้มากในคนไทยค่ะ เป็นอันดับหนึ่งของผู้ชาย และเป็นอันดับที่สี่ของทั้งสองเพศรวมกัน ผู้ชายจะพบว่าเป็นได้มากกว่าผู้หญิงถึง 2-3 เท่าตัว โรคมะเร็งตับนี้มักจะพบเมื่อแสดงอาการแล้ว เช่น อ่อนเพลีย น้ำหนักลด เจ็บชายโครงด้านขวา มักได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ในบ้านเรามีมะเร็งตับอยู่สองแบบได้แก่ 1. มะเร็งตับที่เกิดจากโรคพยาธิใบไม้ในตับ จากการกินปลาดิบ ทำให้เป็นมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งก็คือมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ภายท่อน้ำดีส่วนที่อยู่ภายในตับ พบมากในภาคอีสานและภาคเหนือ 2. มะเร็งตับที่เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือซี หรือสองตัวรวมกัน สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ ทางเลือด หรือถ่ายทอดจากแม่ไปสู่ลูกในครรภ์ เมื่อติดเชื้อแล้วจะแฝงตัวอยู่ในร่างกายได้นานเป็นสิบปี สามารถแพร่เชื้อเป็นพาหะได้ กลายเป็นโรคตับอักเสบในที่สุด จะกลายเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งเซลล์ตับ อาจกินเวลาฟักตัวเป็นโรคนานถึง 30-50 ปี ยิ่งหากผู้ป่วยดื่มเหล้าก็จะยิ่งทำให้เกิดโรคตับได้เร็วขึ้นด้วย ในด้านของการป้องกันมะเร็งตับนั้น สามารถทำได้โดยไม่กินปลาน้ำจืดดิบ ๆ เด็ดขาด ควรกินเฉพาะที่สุกเท่านั้น หากตรวจพบว่าเป็นโรคพยาธิใบไม้ในตับให้รีบกินยารักษาแล้วอย่ากินปลาดิบอีก งดการดื่มสุรา และไปฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะฉีดให้ทารกตั้งแต่แรกเกิด แล้วหมั่นตรวจสุขภาพ ตรวจเลือดเป็นประจำด้วย หากเป็นพาหะหรือเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง ควรรักษากับแพทย์ทุก 3-6 เดือนตามนัดอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่าเป็นมะเร็งตับระยะแรกจะได้รักษาให้หายได้
-
สมาธิแนวผสมผสาน เพื่อการลดระดับความดันโลหิต และน้ำตาลในเลือด
สมาธิแนวผสมผสาน เพื่อการลดระดับความดันโลหิต และน้ำตาลในเลือด การทำสมาธิเพื่อการควบคุมประสาทสัมผัสทั้งหก ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส และการเคลื่อนไหวนั้น จะทำให้มีผลต่อการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และส่วนปลาย ระบบประสาทอัตโนมัติ รวมไปถึงอารมณ์ ภูมิต้านทาน ระบบไหลเวียนเลือด และระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย ซึ่งในเรื่องนี้นั้น รศ.ดร. สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำเอาความรู้เกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติสมาธิ ชี่กง โยคะ การออกกำลังกายแบบ Stretching มาทำสมาธิด้วยเทคนิคการหายใจ ควบคุมประสาทสัมผัสทางตาและหูไปพร้อมกัน จนเป็นรูปแบบของสมาธิบำบัดแบบใหม่ ที่เรียกว่า SKT1-7 ช่วยเยียวยาผู้ป่วยโรคเรื้อรังให้มีสุขภาพดีขึ้นได้ ซึ่งพื้นฐานนั้นให้ลองปฏิบัติตามวิธีดังนี้นะคะ จะนั่งหรือนอนก็ได้ทั้งสิ้น 1. เตรียมท่าทางโดยหากใช้ท่านั่งให้หงายฝ่ามือทั้งสองข้างบนหัวเข่า หากนอนให้วางแขนหงายมือไว้ข้างตัว หรือคว่ำไว้ที่หน้าท้องก็ได้ 2. หลับตาลงช้า ๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกลึก ๆ ช้า ๆ นับ 1-5 กลั้นไว้นับ 1-3…
-
โรคลมชัก อันตรายถึงชีวิตได้ถ้าไม่รักษา
โรคลมชัก อันตรายถึงชีวิตได้ถ้าไม่รักษา โรคลมชัก หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้าง บางทีก็เรียกว่า โรคลมบ้าหมู หรือโรควูบได้ด้วย อันที่จริงแล้วโรคนี้ไม่ได้เป็นโรคแต่อย่างใด แต่เป็นอาการที่เกิดจากคลื่นไฟฟ้าในสมองผิดปกติไปชั่วขณะ สาเหตุไม่แน่ชัด แต่มีปัจจัยร่วมอื่น ๆ ได้ เช่น จากกรรมพันธ์ เคยชักตอนเป็นเด็ก บางคนก็อาจไม่มีอาการเลยแต่จะแสดงอาการแปลกๆ แทน เช่น เดินเหม่อลอยเป็นพัก ๆ ทำปากขมุบขมิบหรือเคี้ยงฟัน บางคนก็กระพริบตาเป็นจังหวะ ทำอะไรไม่รู้ตัว บางคนเป็นขณะขับรถก็มีเหมือนกันซึ่งอันตรายมาก บางรายเคยมีอาการไม่รู้ตัวประเภทหยิบถ่านใส่หม้อข้าวก็มี หรือบางคนก็ขับรถอยู่กลางตลาด เปิดรถลงไปย้ายกรวยไปตั้งกลางถนนจนรถติดวินาศสันตะโร ยังดีมีเพื่อนมาช่วยไว้ทัน เพราะเขารู้ว่าเป็นโรคลมบ้าหมู คงทำไปโดยไม่รู้ตัว บางคนก็จะมีพฤติกรรมแปลกๆ ไม่รู้ตัวจนน่าโมโห เช่น บางคนขายของก็หยิบของผิดให้ลูกค้าเรื่อย ๆ จนมั่วไปมหด บางกรณีอันตรายมาก หยิบเชือกฟางมาผูกคอตัวเอง แต่ไม่ตายเพราะเชือกขาดเสียก่อน ซึ่งอาการเหล่านี้ชาวบ้านทั่วไปมักจะคิดว่าผีเข้า จนไปพึ่งไสยศาสตร์ก็มีอยู่มาก แต่ความจริงแล้วเมื่อมาตรวจคลื่นสมองไฟฟ้าจะพบความผิดปกติ พบว่าเป็นโรคลมชักหรือลมบ้าหมูนั่นเอง การรักษานั้นควรต้องรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพราะหากมีอาการเพียงครั้งเดียวอาจรุนแรงจนเสียชีวิตได้อย่างเช่น คนที่อยู่ ๆ ไปหยิบเชือกมาผูกคอตัวเองเป็นต้น นอกจากนี้แล้วคนไข้ควรหลีกเลี่ยงภาวะกระตุ้นอาการต่าง ๆ เช่น การตรากตรำทำงาน อดนอน อดอาหาร…
-
ชาวสวนชาวไร่ระวังโรคฉี่หนูในฤดูฝน
ชาวสวนชาวไร่ระวังโรคฉี่หนูในฤดูฝน ในหน้าฝนที่มีน้ำขังเฉอะแฉะ และในนาข้าวในไร่สวนต่าง ๆ นั้น เป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงต่อเชื้อโรคฉี่หนูมาก เพราะเชื้อจะแฝงตัวอยู่ตามแหล่งน้ำขังต่าง ๆ พบได้ตั้งแต่ในช่วงฤดูฝนจนถึงต้นฤดูหนาว ผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อก็คือผู้ที่เหยียบย่ำหรือทำงานอยู่ในแหล่งน้ำขัง รวมทั้งชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา คนเลี้ยงสัตว์ คนขุดลอกคลองบึง หรือเด็ก ๆ ที่ชอบกระโดดน้ำเล่นตามแหล่งน้ำธรรมชาติด้วย เชื้อฉี่หนู หรือเชื้อเลปโตสไปโรซิสนั้นจะอาศัยอยู่บริเวณท่อไตของสัตว์กัดแทก จำพวก หนู กระรอก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ โดยพบว่าหนูทุกชนิดเป็นตัวแพร่เชื้อที่สำคัญ ซึ่งเชื้อจะถูกขับออกมากับปัสสาวะของสัตว์และปนเปื้อนตามแหล่งน้ำ พื้นดินแฉะทั่วไป เชื้อโรคนี้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล หรือเยื่อบุอ่อนต่าง ๆ เช่น จมูก ตา หรือในปาก ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ การกินน้ำและกินอาหารที่ปนเปื้อนฉี่ของสัตว์เหล่านี้ก็ทำให้เกิดโรคได้เหมือนกัน อาการของโรคฉี่หนูจะมีอาการตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรงเสียชีวิตได้ ขึ้นอยู้กับปริมาณของเชื้อและภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย โดยจะฟักตัวในร่างกายประมาณ 2-3 อาทิตย์แล้วจึงแสดงอาการ ไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมากโดยเฉพาะบริเวณน่อง มีรอยเขียวช้ำบริเวณผิวหนัง เยื่อบุตาอักเสบมีเลือดไหลออกในลูกตา ผู้ที่รักษาไม่ทันอาจตายเพราะภาวะไตวาย ตับวายหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ด้วย หากคนในครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดมีอาการดังกล่าวมาหลังจากไปสัมผัสแหล่งน้ำท่วม ควรรีบพาไปพบแพทย์ ผู้ที่จำเป็นต้องเหยียบย่ำเข้าไปในแหล่งน้ำชื้นแฉะควรแต่งกันให้รัดกุม สวมรองเท้าบู้ทกันน้ำได้ ทำความสะอาดร่างกายทุกครั้งหลังจากเสร็จงาน ไม่ควรใช้น้ำตามแหล่งน้ำนั้นล้างหน้าหรือล้างแผง หากมีบาดแผลหรือแผลถลอกควรใช้พลาสติกกันน้ำปิดแผลและหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำขังหรือพื้นดินชื้นแฉะด้วย…
-
ดวงตาที่สาม ตั้งอยู่บริเวณกลางหน้าผากหว่างคิ้วทั้งสอง
ดวงตาที่สาม ตั้งอยู่บริเวณกลางหน้าผากหว่างคิ้วทั้งสอง บริเวณกึ่งกลางหน้าผากกลางหว่างคิ้วทั้งสองข้างนั้น ชาวอินเดียโบราณเรียกตำแหน่งนี้ว่า ตาที่สาม ของคนเรา ซึ่งหากอธิบายในด้านของการทำงานของสมองส่วนหน้าแล้ว ดวงตาที่สามจะมีหน้าที่ดังต่อไปนี้ 1. สมองส่วนหน้าช่วงกลางช่วยปรับสมดุลของการทำงานของร่างกาย ระหว่างประสาทซิมพาเทติก (ประสาทคันเร่ง) และประสาทพาราซิมพาเทติก (ประสาทคันเบรก) ให้สามารถทำงานได้อย่างกระฉับกระเฉงแต่เป็นไปอย่างเรียบสงบ เมื่อประสาทซิมพาเทติก หรือประสาทคันเร่งทำงานมากไป จะทำให้มีแต่ความแข็งขันเคร่งเครียด หงุดหงิด โมโหง่าย หากประสาทเบรกทำงานมากไปจะเฉื่อนชา นอนไปวัน ๆ เบื่อ ซึมเศร้า 2. สามารถรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น สื่อสารทางจิตกับผู้อื่นได้ดี 3. มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ผ่านกลไกของประสาทที่ชื่อว่า เซลล์กระจกเงา หรือ มิร์เร่อ นิวร่อน ทำให้มีความรัก ความเห็นอกเห็นใจและช่วยเหลือผู้คน 4. ควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ทำให้เกิดความหุนหันพลันแล่น มีความนิ่ง สงบ 5. ควบคุมความกลัวอย่างไร้เหตุผลหรือมีอาการตื่นตูม 6. รู้จักยับยั้งช่างใจ คิดก่อนพูด คิดก่อนทำ 7. มีความรู้แจ้ง รู้ทันจิตใจของตนเอง เข้าใจพื้นเพความเป็นมาของตนเอง รู้จุดอ่อนจุดแข็งและเป้าหมายของชีวิตตนเอง 8. มีความหยั่งรู้ความรู้สึกของตนเอง โดยเฉพาะเมื่อเครียด…
-
การปกปิดรอยคล้ำใต้ตา
การปกปิดรอยคล้ำใต้ตา รอยคล้ำใต้ตาหรือตาแพนด้าที่สาว ๆ เรามักเป็นกันบ่อย ๆ เนี่ย มักเป็นลักษณะทางกรรมพันธุ์ เป็นลักษณะเฉพาะของผิวหนังบริเวณใต้ตาซึ่งบางและมีไขมันน้อย เม็ดเลือดที่ไหลผ่านหลอดตาดำที่ใต้ผิวหนังจึงทำให้ผิวมีสีออกคล้ำได้ ยิ่งหากขยี้ตาแรง ๆ เม็ดเลือดแดงอาจรั่วออกมาจากหลอดเลือดทำให้รอบตาคล้ำได้มากขึ้นอีก รอยคล้ำใต้ตานั้นจะยิ่งมีมากขึ้นหากขาดการพักผ่อน อดนอน เหน็ดเหนื่อย หรือแม้แต่เวลาที่ร่างกายขาดอาหาร มีภาวะโลหิตจางทำให้ซีด ในหญิงสาวบางคนอาจพบว่ารอยคล้ำใต้ตานี้จะเด่นชัดขึ้นในช่วงของการตั้งครรภ์หรือมีประจำเดือน ปัจจัยในเรื่องอายุที่มากขึ้นก็ทำให้รอยคล้ำใต้ตาชัดเจนขึ้นได้มากเช่นกัน สำหรับคนที่ไม่ชอบรอยคล้ำใต้ตาของตัวเองนั้น วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุดก็คือแต่งหน้ากลบเสีย ลองหาซื้อคอนซีลเลอร์ดี ๆ มาแต่งปกปิดก็จะช่วยได้ในระหว่างวัน สำหรับการเลือกใช้สีและเทคนิคในการแต่งควรปรึกษาช่างแต่งหน้าหรือพนักงานขายเครื่องสำอางค์ดู นอกจากนี้การสวมแว่นกันแดดที่เจือสีก็ช่วยพรางรอยคล้ำใต้ตาได้บ้าง การใช้เทคนิคนวดใต้ตาด้วยคลื่นเสียงอัลตราโซนิก หรือโฟโนโฟเรซิสก็ช่วยรอยคล้ำและถุงใต้ตาดีขึ้นได้บ้างเล็กน้อย แต่ไม่แนะนำให้ไปฉีดคอลลาเจนเพื่อลดรอยคล้ำใต้ตาเพราะยังไงก็ไม่ได้ผล สิ้นเปลืองเงินทองมาก บางคนก็แพ้เป็นตุ่มนูนแข็งน่าเกลียดกว่าเดิมเสียอีก ส่วนคนที่เป็นภูมิแพ้อยู่นั้น หากรักษาโรคภูมิแพ้ให้มีอาการดีขึ้นแล้ว รอยคล้ำใต้ตาก็จะพลอยดีขึ้นไปด้วย การกังวลเกินเหตุหรือการเอามือจับแตะต้องใบหน้าและดวงตามากเกินไป มีแต่จะทำใหรอยคล้ำเพิ่มมากขึ้น ลองหาวิธีพรางหรือปกปิดแบบง่าย ๆ อย่างที่แนะนำไปดีกว่านะคะ แก้ปัญหาได้ดีกว่าเยอะค่ะ
-
หลงโฆษณา อาจเสียโฉมและเสียสุขภาพ
หลงโฆษณา อาจเสียโฉมและเสียสุขภาพ ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจดุเดือดมากอย่างในปัจจุบันนี้ ผู้ประกอบการบางรายมองเห็นแต่ตัวเงินและผลประโยชน์จนงัดเอาทุกรูปแบบที่จะทำให้สินค้าและบริการขายได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายตรงเข้าถึงตัวลูกค้า การขายผ่าน sms การขายสินค้าผ่านทางสื่อทีวีต่าง ๆ ทั้งฟรีทีวี อินเตอร์เนตทีวี เคเบิลทีวี วิทยุชุมชน นิตยสารต่าง ๆ ฯลฯ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า ยิ่งโดยเฉพาะสินค้าความสวยความงามและเพื่อสุขภาพต่าง ๆ นั้น การแข่งขันดุเดือดเลือดพล่านมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงามที่โฆษณาว่า “อกตึง รูกระชับ” “โด่มิรู้ล้ม” “ผอมสิบโลในอาทิตย์เดียว” ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นข้อความโฆษณาที่อาจเกินจริง ดังนั้นผู้บริโภคเองต้องพิจารณาตัวสินค้าให้ดีก่อน ยิ่งดูเหลือเชื่อมากเท่าไรก็ยิ่งควรต้องไม่ไว้ใจให้มากเท่านั้น เพราะที่ผ่านมา ทาง อย.ได้ร่วมกับตำรวจจับแหล่งและขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ผิดกฎหมายอยู่หลายครั้ง โดยพบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนักหลายตัวนั้นมีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตราย หรือมีผลข้างเคียงสูง สามารถยึดของกลางได้หลายร้อยล้านบาท ซึ่งก็ได้มีข่าวปรากฏให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้ทั้งหมด ตัวผู้บริโภคเองก็ต้องคุ้มครองตัวเองด้วย การตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการอะไรก็ตาม ต้องหาข้อมูลให้รอบด้านอย่างเกรงใจคนขาย อย่าซื้อเพราะภาพลักษณ์ดูดี อย่าเชื่อคำโฆษณาเกินจริง และอย่าฟุ้งเฟ้อตามค่านิยม เพื่อจะเสียรู้ทำให้เสียเงินเสียทอง เสียสุขภาพจิตและอาจเสียสุขภาพไปด้วยได้ หากผู้บริโภคมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการสามารถร้องเรียนได้ที่ คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด หรือคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำ อบต. หรือเทศบาล หรือติดต่อร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยตรงเลยก็ได้ค่ะ…