Author: pure
-
มาชวนกันเลิกเหล้าเข้าพรรษา
มาชวนกันเลิกเหล้าเข้าพรรษา รู้กันอยู่แล้วว่าสุราหรือเหล้ารวมไปถึงเครื่องแอลกอฮอล์นั้น เป็นโทษต่อร่างกาย ทำให้เกิดโรคได้อีกมากมายและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้อีกด้วย อาการของผู้ที่ติดเหล้านั้นจะต้องการดื่มทุกวัน หยุดไม่ได้ พยายามหยุดมาหลายครั้ง บ่อยครั้งที่ดื่มจนลืมตัว จำอะไรไม่ได้เวลาเมา และดื่มจนเสียงานเสียกาย และเสียญาติสนิทมิตรสหาย มีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่มาก แต่หากคุณต้องการเลิกเหล้าในช่วงเข้าพรรษานี้ก็สามารถทำตามคำแนะนำเหล่านี้ได้ค่ะ 1. ทั้งเวลาตื่นนอนตอนเช้า และก่อนเข้านอน ให้อาบน้ำอุ่น ๆ หลังจากอาบน้ำอุ่นแล้วให้ดื่มน้ำมะนาว 1 แก้วทุกครั้ง 2. ในระยะหว่างวันให้ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว 3. ควรหลีกเลี่ยงการพบปะกับเพื่อนฝูงที่ชวนกันกินเหล้า และไม่ควรไปสถานที่ที่เคยกินเหล้ากัน 4. ถ้ารู้สึกกระสับกระสับทนไม่ไหวให้อาบน้ำ 5. หลีกเลี่ยงเครื่องเทศ มัสตาร์ด ขนมหวานจัด ๆ ขนมไทยทั้งหลาย 6. ในระยะแรกที่อดเหล้าอย่ากิน เป็ด ปลา ไก่ กาแฟ ชา น้ำอัดลม จะทำให้อยากเหล้า 7. แล้วหันมากินผักสด ผลไม้สด ถั่ว เนยให้มาก ๆ แทน 8. ควรทานวิตามินบีรวมทุกมื้อเพื่อบำรุงประสาท เพราะอาจมีอาการไม่สงบได้ในระยะที่อดเหล้า…
-
7 มาตรการเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกจากยุงลาย
7 มาตรการ เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกจากยุงลาย ในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออกสูงมากกว่าในช่วงอื่น เพราะเป็นช่วงฤดูฝนที่เมื่อฝนตกลงมาแล้วมีน้ำขังเฉอะแฉะ ยุงลายจึงบินมาวางไข่ได้มากขึ้น ยิ่งหากมีใครสักคนในชุมชนป่วยเป็นไข้เลือดออกขึ้นแล้ว ก็ยากจะคาดเดาจำนวนผู้ป่วยที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ หากในครอบครัวมีผู้ป่วยเกิดเป็นไข้ เมื่อยเนื้อตัวควรใช้ยาลดไข้พาราเซตามอลเท่านั้น หากใช้ยาลดไข้ตัวอื่น และหากผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออก อาจกระตุ้นให้เลือดออกในร่างกายมากขึ้นจนช็อกและอันตรายได้ นอกจากนี้แล้วก็ให้ดูแลเหมือนผู้ป่วยเป็นไข้ทั่วไป แต่หากมีอาการซึม อ่อนเพลีย ปวดท้อง อาเจียนมาก ตัวเย็นผิดปกติ ก็ควรรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล สิ่งที่สำคัญมากสำหรับการป้องกันโรคไข้เลือดออก ก็คือการดูแลสภาพแวดล้อมมิให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย โดยการร่วมมือกันระหว่างคนในชุมชน หมู่บ้าน ด้วยมาตรการ 7 ป. ดังต่อไปนี้ 1. ปิดฝาภาชนะที่เก็บน้ำได้ทุกชนิด หากไม่มีฝาก็ให้หาแผ่นไม้หรือวัสดุอื่นใดก็ได้ที่ทนน้ำมาปิดไว้เพื่อป้องกันยุงลายวางไข่ 2. ปล่อยปลากินลูกตามแหล่งน้ำขังเพื่อตัดวงจรยุงลาย เช่น ปลาหางนกยูงเป็นต้น 3. ปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในหมู่บ้าน ทั้งในบ้านและนอกบ้านไม่ให้มีน้ำขัง เช่น ยางรถยนต์เก่า กระป๋อง กระบอกน้ำเก่า ถัง โอ่งเก่า ฯลฯ ควรคว่ำไว้ให้หมด 4. ปรับสภาพของน้ำ เพื่อไม่ให้ยุงมาวางไข่โดยการใส่ทรายอะเบท น้ำส้มสายชู หรือเกลือแกงลงไปในน้ำ 5. เปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้…
-
ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก
ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก โรคมือ เท้า ปาก นั้นเกิดจากเชื้อไวรัสลำไส้ หรือเชื้อไวรัสเอนเทอโร ไวรัสหลายชนิดด้วยกัน ติดเชื้อได้ง่ายในกลุ่มเด็กทารกและเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 5 ขวบ เกิดได้ตลอดทั้งปีแต่มากเป็นพิเศษในฤดูฝนซึ่งมักมีอากาศเย็นและชื้น โรคนี้มีอาการที่ไม่รุนแรงนัก สามารถแพร่เชื้อได้จากการนำเข้าสู่ปาก ซึ่งอาจติดมากับของเล่นที่เปื้อนน้ำลาย น้ำมูก หรือคัดหลั่งอื่น ๆ ตลอดจนจากแผลและอุจจาระของผู้ป่วยด้วย รวมไปถึงการไอจามรดกันในเด็ก แม้แต่เด็กที่มีอาการทุเลาหรือหายแล้วก็ยังสามารถแพร่เชื้อได้จากอุจจาระที่ยังปนเปื้อนเชื้ออยู่ ซึ่งอาจมีระยะเวลา 1 เดือนหลังจากโรคหายไปแล้ว อาการของโรคมือ เท้า ปาก หลังการติดเชื้อ 3-6 วัน จะเริ่มมีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลียแล้ว 1-2 วันต่อมาจะเจ็บปากและไม่ยอมกินข้าวเนื่องจากมีตุ่มแดงในปาก เป็นตุ่มพองใสอักเสบและแดง ต่อมาตุ่มจะแตกออกเป็นแผลหลุมตื้น ๆ และพบตุ่มได้ตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า นิ้วมือ นิ้วเท้า รวมไปถึงก้นด้วย กดแล้วเจ็บแต่ไม่คัน อาการทั้งหมดนี้จะหายได้ภายใน 7-10 วัน โรคนี้ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ รักษาไปตามอาการเท่านั้น เช่น ให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด การดูแลเด็กควรเช็ดตัวเพื่อลดไข้เป็นระยะ ให้กินอาหารอ่อนรสไม่จัด…
-
อาการของโรคไวรัสตับอักเสบซี
อาการของโรคไวรัสตับอักเสบซี ในโลกเรานี้มีการประมาณผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังอยู่ราว 170 ล้านคน ส่วนในประเทศไทยนั้นพบได้โดยเฉลี่ยราวร้อยละ 1-2 พบได้มากทางภาคเหนือและภาคอีสาน โรคนี้ไม่มีวัคซีนป้องกันและยังไม่พบว่าจะมีแนวโน้มที่จะค้นพบในเวลาอันใกล้ด้วย เกือบทุกรายของผู้ที่ป่วยไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังทุกรายจะมีอาการอักเสบของตับ ทำให้ตับเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ เมื่อร่างกายของเรารับไวรัสตับอักเสบซีเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัว 6-8 อาทิตย์จึงจะเริ่มมีอาการตับอักเสบ มีผู้ป่วยราวร้อยละ 10-15 ที่จะมีอาการดีซ่านหรือตัวเหลือง เป็นไข้คล้ายไข้หวัดใหญ่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ จะตรวจพบว่าเป็นไวรัสตับอักเสบซีได้ก็ด้วยการตรวจเลือดหลังการอักเสบเท่านั้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยรู้ตัวแล้ว ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังโดยยังมีเชื้อไวรัสในร่างกายตลอดเวลา มีอาการตับอักเสบขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอด ผู้ป่วยราวร้อยละ 2-30 จะมีอาการตับแข็งหลังได้รับเชื้อแล้ว 20 ปี ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มีอาการรุนแรงขึ้น ได้แก่ การได้รับเชื้อตอนอายุมากแล้ว การติดเชื้อจากการได้รับเลือด การดื่มเหล้า ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซี ดังนั้นจึงควรป้องกันตนเองไว้ก่อน – ผู้ที่สักเจาะ ร่างกาย และมีพฤติกรรมสำส่อนทางเพศควรไปตรวจร่างกายไว้ก่อน หากพบการทำงานของตับที่ผิดปกติจะได้ทำการรักษาได้ทัน – รักษาตัวไว้อย่าให้เป็นผู้แพร่เชื้อ ไม่ให้เลือด ไม่เจาะ ไม่สัก ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวที่ปนเปื้อนน้ำคัดหลั่งกับคนอื่น การร่วมเพศก็ควรสวมถุงยางอนามัย –…
-
รักษาใจให้สะอาด สงบ สว่าง
รักษาใจให้สะอาด สงบ สว่าง อาการจิตตกหรือความรู้สึกเบื่อ ๆ ท้อแท้ ไม่อยากพูดคุยพบปะกับใคร มองไปทางไหนก็มีแต่ความตีบตัน หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้นั้น ฯลฯ ใคร ๆ ก็เคยผ่านกันมาแล้วทั้งสิ้น บางคนรู้สึกแย่กับตัวเองยังพาลกับคนอื่นจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้อีกด้วย มักเกิดขึ้นในเวลาที่เราไม่ได้อะไร ๆ อย่างที่ตนเองคาดหวังเอาไว้ หรือปัญหาบางอย่างที่แก้ไขไม่ได้ ปัญหาเหล่านั้นก็ยิ่งบั่นทอนกำลังใจ จิตใจของเราลงไปทุกวัน เราไม่ควรปล่อยจิตใจตัวเองไว้เช่นนี้ การจะแก้ปัญหาชีวิตได้นั้น ต้องกลับมามีจิตใจที่สดใส สดชื่น มีพลังเสียก่อน มีความสุขเสียก่อนแล้วทางแก้ไขปัญหาจึงจะปรากฎให้เห็นค่ะ ดังนั้นเวลาที่จิตตกขึ้นมาควรรีบดูแลตัวเองดังนี้ค่ะ – เมื่อจิตใจเริ่มท้อแท้ห่อเหี่ยว อย่าปล่อยให้ใจไหลไปกับความรู้สึกตกต่ำเช่นนั้น ฉุดตัวเองให้ขึ้นมารู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น คิดอะไรอยู่ แล้วหยุดความรู้สึกแย่ ๆ นั้นไว้ ด้วยการหันไปสนใจสิ่งอื่น – ปลุกตัวเองขึ้นมา ยืน เดิน นั่ง พูด ยิ้มอย่างกระฉับกระเฉง มีความมั่นใจ สดใส และแจ่มใสทั้งกับตนเองและผู้อื่น – มองโลกในแง่บวก และชื่นชมตนเองอย่างสดใสมีพลัง ความคิดมีอิทธิพลกับอารมณ์และความรู้สึก อารมณ์ความรู้สึกก็มีผลกระทบต่อการกระทำ การมองและชื่นชมสิ่งดีที่มีอยู่รอบตัวจะทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีคนรอบตัวที่น่ารัก มีการงานที่ดี มีครอบครัวที่เข้าอกเข้าใจกัน…
-
ภาวะไขมันคั่งในตับ
ภาวะไขมันคั่งในตับ โรคตับแข็งหรือมะเร็งตับที่เพิ่มอัตราผู้ป่วยมากขึ้นในระยะหลายปีมานี้ มักจะเป็นผู้ที่ไม่เคยดื่มเหล้า หรือติดเชื้อไว้รัสตับอักเสบมาก่อนเลย แต่จะมีลักษณะร่วมคล้าย ๆ กันก็คือ ผู้ป่วยอ้วนน้ำหนักเกิน เป็นเบาหวาน มีไขมันในเลือดสูง ในตับจึงตรวจพบไตรกลีเซอร์ไดร์คั่งสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ตับอักเสบเป็นเวลานาน จนเกิดพังผืดขึ้นและลุกลามจนกลายเป็นตับแข็งในที่สุด ตับนั้นเป็นอวัยวะที่สำคัญชิ้นหนึ่งในร่างกาย ทำหน้าที่หลายอย่าง ทั้งกักเก็บสารอาหาร สังเคราะห์โปรตีน โคเลสเตอรอล วิตามิน ควบคุมการสันดาปของฮอร์โมน ผลิตน้ำดีเพื่อย่อยไขมัน ผลิตสารที่นำเกล็ดเลือดไปห้ามเลือดเมื่อผนังหลอดเลือดได้รับบาดเจ็บ ช่วยกำจัดสารพิษของร่างกายได้ด้วย ฯลฯ เมื่อตับมีไขมันมาคั่งอยู่เป็นจำนวนมาก การทำงานของตับจึงผิดปกติ ส่งผลกระทบไปทั่วร่างกาย ภัยแฝงจากภาวะไขมันคั่งในตับนี้มักจะเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว แรก ๆ จะมีสุขภาพเป็นปกติ อาจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพ แล้วพบว่าค่าเอนไซม์ตับสูงผิดปกติ หากไม่เคยตรวจเลยก็อาการก็อาจพัฒนาไปสู่ภัยร้ายได้มากขึ้น เมื่อภาวะไขมันคั่งในตับรุนแรง ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดแน่นชายโครงขวา อึดอัด เบื่ออาหาร ท้องอืดเฟ้อ อ่อนเพลีย อาจมีท้องผูกสลับกับท้องเสีย บางคนก็มีอาการดีซ่าน คลื่นไส้อาเจียน จนกลายเป็นตับแข็ง และมะเร็งตับในที่สุด ผู้ที่มีภาวะไขมันตั่งตับนั้น ควรดูแลสุขภาพตัวเอง ด้วยการควบคุมอาหารและดูแลน้ำหนักตัว ยิ่งคนที่อ้วนน้ำหนักเกินเป็นเบาหวาน และมีไขมันสูงด้วยแล้วจะมีโอกาสเกิดภาวะไขมันสะสมในตับได้ถึงร้อยละ 90 ควรใส่ใจในเรื่องของอาหาร ทานแต่อาหารที่ปรุงแต่งน้อย ๆ เช่น…
-
สุขภาพของดวงตากับยาสตีรอยด์
สุขภาพของดวงตากับยาสตีรอยด์ ยาสตีรอยด์ หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า คอร์ติโคสตีรอยด์ เป็นยาที่เกิดจากการสังเคราะห์ฮอร์โมนชนิดหนึ่งในร่างกาย ออกฤทธิ์โดยมีผลต่อหลายระบบในร่างกาย นิยมนำมาใช้รักษาอาการอักเสบในโรคต่าง ๆ มีทั้งรูปแบบของยากิน ยาฉีด พ่น หยอด ป้าย ในด้านของการรักษาดวงตานั้นจะใช้ยากลุ่มสตีรอยด์นี้ในการรักษาอาการอักเสบในช่องหน้าลูกตา เยื่อบุตา หรือกระจกตาอักเสบบางแบบ รวมทั้งหลังการผ่าตัดตา ฯลฯ ซึ่งข้อดีของยานี้ก็คือสามารถลดการอักเสบได้หลายโรค โดยเฉพาะการอักเสบหรือภูมิแพ้ที่รุนแรง แต่หากใช้เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อดวงตาได้ เช่น ต้อหิน, ต้อกระจก, การติดเชื้อของตา โดยเฉพาะกลุ่มไวรัสเริม, ผิวหนังเปลือกตาบางลง, หนังตาตก, รูม่านตาขยายขึ้น ฯลฯ ซึ่งในเรื่องนี้ขอนำเอาคำแนะนำของจักษุแพทย์ในการใช้ยาสตีรอยด์มาฝากคุณผู้อ่านดังนี้ค่ะ – หากมีอาการตาแดง คันเคืองตา ควรไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจก่อนว่ามีความจำเป็นต้องใช้ยาสตีรอยด์หรือไม่ ไม่ควรซื้อยาที่มีส่วนผสมของสตีรอยด์มาหยอดเอง โดยจะสามารถสังเกตได้จากฉลากที่เขียนกำกับข้างขวดยา เพราะอาจทำให้คุณได้รับผลข้างเคียงของยาโดยไม่รู้ตัว – ผู้ที่ต้องใช้ยาหยอดตากลุ่มสตีรอยด์เป็นเวลานาน ควรมาพบจักษุแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับความถี่ของการใช้ยา ขนาดของยา และระยะเวลาการใช้ยาให้เหมาะสม – หากผู้ป่วยมีอาการ ปวดตา ตามัว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ หรือหยอดตาแล้วไม่ดีขึ้น ควรรีบกลับมาพบแพทย์ก่อนนัด…
-
จิตสดใส ใจสบาย ป้องกันโรคมะเร็งได้ด้วย
จิตสดใส ใจสบาย ป้องกันโรคมะเร็งได้ด้วย โรคมะเร็งเป็นโรคที่คนส่วนใหญ่คิดว่าต้องทุกข์ทรมานและมีอัตราการตายสูง นับวันยิ่งมีโรคมะเร็งเกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสาเหตุเกิดได้หลายปัจจัย ไม่ว่าจะอาหาร อากาศ มลพิษต่าง ๆ กรรมพันธุ์ และความเครียด ที่อยู่ในใจ รวมไปถึงอารมณ์แง่ลบต่าง ๆ นั้น เช่น อารมณ์โกรธ ความเกลียดชัง หงุดหงิด ความโลภ ความริษยา ฯลฯ เหล่านี้ล้วนมีผลต่อสุขภาพ และเป็นบ่อเกิดของโรคมะเร็งได้ทั้งสิ้น นั่นเป็นเพราะว่าระบบของร่างกายทุกระบบเชื่อมโยงกันหมด จิตใจที่ดี มีความสบายใจปราศจากอารมณ์แง่ลบจะป้องกันโรคร้ายได้ มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันมากขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เมื่อเจ็บป่วยก็จะหายได้เร็วกว่าคนที่เอาแต่เคร่งเครียด ท้อแท้ โกรธเกรี้ยว สิ้นหวัง จากการวิจัยพบว่าเมื่อร่างกายมีความเคร่งเครียดระบบเส้นเลือดฝอยจะมีขนาดเล็กลง เนื่องจากระบบประสาทซิมพาเทติกถูกกระตุ้น ต่อมไทมัสและต่อมน้ำเหลืองต่าง ๆ จะลดความไวลงไปโดยอัตโนมัติ ผู้ที่มีความเครียดเป็นเวลายาวนานจะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลมีปริมาณสูงจนผิดปกติ ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมากขึ้น หากผู้ป่วยมะเร็งนั้นมีจิตใจท้อแท้ สิ้นหวัง ก็ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง โรคจะลุกลามได้ง่ายขึ้นไปอีก ในทางตะวันตกนั้น จะให้ความสำคัญในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งด้วยการดูแลในด้านจิตใจ ฝึกฝนให้ผู้ป่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดความเจ็บป่วย ฝึกการสร้างจินตภาพเพื่อเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว และขจัดเซลล์มะเร็งได้ นำเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ ช่วยปรับจิตปรับใจของผู้ป่วยให้หายเจ็บปวดได้ด้วยการรู้เท่ากันอารมณ์ขุ่นมัว ลดความโกรธ ความเครียด…
-
โรคมือ เท้า ปาก ระบาดและติดเชื้อง่ายในเด็ก
โรคมือ เท้า ปาก ระบาดและติดเชื้อง่ายในเด็ก ช่วงเวลาอากาศชุ่มชื้น ฝนตกชุกแบบนี้ โรคมือ เท้า ปาก มักจะระบาดกันเป็นวงกว้าง ยิ่งโดยเฉพาะในชนบทและในเด็กที่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส ที่พบได้เฉพาะในคนและติดต่อกันได้จากคนสู่คนเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากโรคปากเท้าเปื่อยที่เกิดในวัว ควาย หมู หรือสัตว์อื่น ๆ โรคนี้นั้นความจริงสามารถติดต่อกันได้ตลอดทั้งปี แต่จะระบาดมากขึ้นในช่วงที่มีอากาศชื้น ผู้ป่วยมักเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี ส่วนผู้ใหญ่และเด็กที่โตแล้วมักจะมีภูมิต้านทานจากที่เคยเป็นมาแล้วเมื่อยังเด็ก การที่เด็กสามารถติดต่อโรคนี้ได้ง่ายก็เป็นเพราะว่า เด็ก ๆ มักจะชอบหยิบขอบใส่ปาก แล้วปนเปื้อนเชื้อที่ติดมากับน้ำมูก น้ำลาย หรือสารคัดหลั่งอื่นๆ จากเด็กที่มีเชื้ออยู่ บางครั้งก็เกิดจากการไอจามรดกัน แล้วยังสามารถแพร่เชื้อติดต่อไปสู่คนอื่นได้ง่ายตั้งแต่สัปดาห์แรกด้วย แม้แต่ในช่วงที่อาการดีขึ้นแล้วก็ยังแพร่เชื้อได้อีก เพราะเชื้อสามารถูกขับออกมากับอุจจาระได้นานถึงอีก 6 อาทิตย์ อาการของโรคนี้จะเริ่มต้นด้วยการมีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย ต่อมาอีก 1-2 วันจะมีตุ่มแดงเกิดขึ้นในปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม ฝ่ามือ ฝ่าเท้า นิ้วมือ รวมไปถึงมีผื่นแดงบริเวณก้น หัวเข่า ตุ่มเหล่านี้เมื่อกดจะเจ็บแต่ไม่คัน ตุ่มจะพองและแตกออกเป็นหลุมตื้น…
-
หากลืมกินยาก่อนอาหารล่ะ จะกินชดเชยอย่างไรดี
หากลืมกินยาก่อนอาหารล่ะ จะกินชดเชยอย่างไรดี หลายคนคงเคยประสบปัญหาการลืมทานยาก่อนอาหารกันมาบ้างแล้วทั้งนั้น ครั้นพอนึกได้อีกทีก็ทานข้าวทานน้ำไปซะอิ่มแล้ว แล้วจะกินชดเชยหรือทำอย่างไรดีค่ะ วันนี้ลองมาหาความรู้กันเผื่อในอนาคตเกิดลืมขึ้นมากอีก ยาก่อนอาหารก็คือยาที่ให้ทานในตอนที่ท้องว่าง คือ ทานก่อนทานอาหาร 30-60 นาที ไม่ใช่ทานยาแล้วทานข้าวทันทีนะคะ แต่การที่ต้องทานยาก่อนอาหารนั้นก็มีสาเหตุมาจาก – ยาบางอย่างถูกทำลายด้วยกรดในกระเพาะอาหารได้ การทานอาหารจะไปกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารออกมามากขึ้น กรดนั้นจะทำลายยาได้ ซึ่งจะทำให้การทานยาได้ผลในการรักษาได้ไม่เต็มที่ – อาหารจะรบกวนการดูดซึมยาบางชนิด หากทานยาหลังอาหารจะทำให้ร่างกายดูดซึมยาได้น้อยลง โดยเฉพาะยาในกลุ่มเพนนิซิลลิน แล้วหากถ้าลืมกินยาก่อนอาหารจะทำอย่างไรดี? โดยทั่วไปยาที่ให้ทานก่อนอาหารก็คือให้ทานตอนท้องว่าง 30-60 นาทีก่อนอาหาร ถ้าลืมทานให้เปลี่ยนไปทานหลังอาหารสองชั่วโมงแทน ถ้าไม่สะดวกสามารถทานในช่วงเวลาหลังอาหารประมาณ 30-60 นาทีแทนก็พอได้เหมือนกัน แม้ร่างกายจะได้รับยาได้ไม่เต็มที่ยังดีกว่าไม่ได้รับยาเอาเสียเลย แต่หากลืมยามื้อกลางวันแล้วไปนึกได้ตอนห้าโมงเย็น ก็ให้งดยาที่ลืมกินไปเลย ไม่ต้องเพิ่มยาเป็นสองเท่า เพื่อป้องกันการได้รับยาขนาดที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ หลังจากนี้ไปหากลืมทานยาก่อนอาหารอีก ก็คงไม่ต้องกังวลแล้วนะคะ แต่ทานที่ดีอย่าลืมดีกว่าค่ะ จะได้หายป่วยเร็ว ๆ