Author: pure
-
วิธีป้องกันและรักษาโรคติดต่อทางเดินอาหารเบื้องต้น
วิธีป้องกันและรักษาโรคติดต่อทางเดินอาหารเบื้องต้น ในฤดูร้อนและฤดูฝนที่บางครั้งก็มีฝนตกหนักจนน้ำท่วมนั้น เป็นระยะที่มีการระบาดของโรคท้องเดิน อาหารเป็นพิษ อหิวาห์ ไข้ไทฟอยด์ได้ ซึ่งอาการของโรคเหล่านี้ได้แก่ ถ่ายเหลว หรือถ่ายเป็นถ่าย ถ่ายมีมูกเลือด มักปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และมีไข้ร่วมด้วย ไข้ไทฟอยด์นั้นมักจะมีไข้สูงตลอดเวลานานเป็นอาทิตย์ ปวดหัวและนอนซม ซึ่งโรคติดต่อทางเดินอาหารเหล่านี้สามารถป้องกันได้ด้วย – ทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด ไม่บูดเสีย ไม่กินอาหารที่มีกลิ่นบูด หรือทิ้งค้างคืนและอาหารที่มีแมลงวันตอม – ให้ดื่มแต่น้ำสะอาด เช่น น้ำต้มสุก น้ำดื่มบรรจุขวด – หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ทั้งก่อนปรุงอาหาร เตรียมอาหาร ก่อนทานอาหารและหลังจากเข้าห้องน้ำ – หากต้องติดอยู่ในที่น้ำท่วม ห้ามถ่ายอุจจาระลงน้ำ ควรถ่ายลงส้วมดัดแปลงหรือถ่ายใส่ถุงพลาสติกแล้วใส่ปูนขาวลงไปจำนวนพอสมควรแล้วปิดปากถุงให้แน่นแล้วนำไปใส่ไว้ในถุงดำ หรือถุงขยะ แต่หากมีอาการท้องเดินแล้ว ให้รักษาตัวเบื้องต้นดังต่อไปนี้ – ดื่มน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอส หรือน้ำข้าวต้มใส่เกลือ น้ำอัดลมใส่เกลือ หรือจะปรุงเองโดยใช้น้ำตาลทราย สองช้อนโตะ และเกลือครึ่งช้อนชาเล็ก ดื่มบ่อย ๆ ครั้งละครึ่งแก้วให้เพียงพอกับที่ถ่ายออกไป จะสังเกตได้ว่าปัสสาวะจะมากและใส – ให้ทานยาแก้ไข้พาราเซตามอลหากมีไข้สูง – สำหรับเด็กเล็กนั้นให้ดื่มนมแม่ตามปกติ ถ้ากินนมผงให้ผสมนมให้จางลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยชงจนกว่าอาการจะเริ่มทุเลา…
-
การถนอมดวงตาจากหน้าจอคอมพิเตอร์ แทปเลต และโทรศัพท์มือถือ
การถนอมดวงตาจากหน้าจอคอมพิเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ สายตาของคนเรานั้น นอกจากการเสื่อมสภาพตามวัยที่ล่วงเลยไปแล้ว บางคนการทำงานบางประเภทก็เร่งให้สายตาเสื่อมเร็วขึ้นด้วย ยิ่งเดี๋ยวนี้คนเราใช้คอมพิวเตอร์ แทปเลต หรือโทรศัพท์มือถือแทบตลอดเวลา ดังนั้นสายตาของคนรุ่นใหม่ ๆ เดี๋ยวนี้จะยิ่งเสื่อมเร็วขึ้น ผู้ที่ใช้ดวงตาจ้องมองหน้าจอเหล่านี้นาน ๆ มักจะมีอาการเมื่อยล้า ปวดตา ตาแห้ง มัว ไม่สบายตา สู้แสงไม่ได้ เพราะการมองหน้าจอเหล่านี้นาน ๆ นั้น ทำให้กระพริบตาน้อยลง ภาวะแสดงสว่างที่ไม่เหมาะสมทำให้กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ฯลฯ ซึ่งการถนอมดวงตานั้นควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้อย่างถูกวิธี เช่น พักสายตาเป็นระยะ ๆ ปรับตำแหน่งและระยะของหน้าจอให้ห่างจากดวงตาให้เหมาะสม ทานอาหารบำรุงดวตา เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี เบต้าแคโรทีน กรดไขมันโอเมก้าสาม และสังกะสี เพื่อบำรุงและซ่อมแซมกล้ามเนื้อดวงตา และป้องกันจอประสาทตาอีกด้วย การถนอมสายตา นอกจากการใช้สายตาอย่างถูกต้อง เช่น พักสายตาจากคอมพิวเตอร์เป็นระยะๆ ปรับตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมแล้ว การกินอาหารธรรมชาติที่ประกอบไปด้วย วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี เบต้าแคโรทีน โอเมก้า-3 และสังกะสี ซึ่งมีอยู่ในอาหารจำพวกผักหลากหลายสี เป็นการบำรุง ซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อดวงตา และยังช่วยปกป้องจอประสาทตาอีกด้วย…
-
การปฐมพยาบาลช่วยลดการเสียชีวิตได้
การปฐมพยาบาลช่วยลดการเสียชีวิตได้ เมื่อได้พบกับอุบัติเหตุหรือสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น การปฐมพยาบาลจะลดความรุนแรงของการบาดเจ็บหรือความเจ็บป่วยได้ ช่วยบรรเทาให้เจ็บน้อยลง ทำให้ผู้ป่วยกลับสู่สภาพดีได้เร็วขึ้น ป้องกันความพิการ แต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่แม้จะเคยเรียนการปฐมพยาบาลมา ก็มักจะมีอยู่น้อยคนที่จำได้และใช้ได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน วันนี้เรามาทบทวนกันดีกว่าค่ะว่าลำดับขั้นตอนการปฐมพยาบาลนั้นมีอะไรบ้าง เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นให้ควบคุมสติให้ดี แล้ววิเคราะห์วางแผนให้ความช่วยเหลือโดยดูอาการต่าง ๆ ของผู้ป่วย แล้วให้การปฐมพยาบาลตามลำดับขั้นตอนดังนี้ – ตรวจสอบว่าผู้ป่วยยังรู้สึกตัวหรือไม่ หรือเขย่าตัวแรง ๆ เพื่อปลุกให้ตื่น – ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น และเรียกหน่วยกู้ชีพ โทร 1669 – ไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น ยกเว้นเป็นจุดอันตรายเช่น บนถนน บริเวณไฟไหม้ ตึกถล่ม และควรเคลื่อนย้ายให้ถูกวิธีด้วย – หากผู้ป่วยมีสติให้สอบถามอาการบาดเจ็บและให้การปฐมพยาบาล แต่หากผู้ป่วยหมดสติให้สำรวจว่ามีเลือดออกหรือไม่ ให้ห้ามเลือดก่อน หากไม่มีบาดแผลให้ตรวจร่างกายดูว่าร่างกายอบอุ่นหรือเปล่า เพราะหากช็อกร่างกายจะเย็นและซีด ควรห่มผ้าให้อบอุ่น จัดท่าการนอนให้ลำตัวสูงกว่าศีรษะเล็กน้อยเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองให้เพียงพอ – ตรวจดูสิ่งของในปาก เช่น เศษอาหาร ฟันปลอม หากมีให้ล้วงออกมาป้องกันการสำลักหรืออุดตันทางเดินหายใจ ให้ผู้ป่วยนอนหงายดันหัวให้แหงนขึ้น เพื่อให้หายใจได้โล่งขึ้น – คลายเสื้อผ้าให้หลวม อย่าให้คนมุง – สำรวจอาการบาดเจ็บทางร่างกายอื่น ๆ เช่น บาดแผล…
-
ปัจจัยที่อาจทำให้คนเสี่ยงฆ่าตัวตาย
ปัจจัยที่อาจทำให้คนเสี่ยงฆ่าตัวตาย แต่ละปีนั้น ทั่วโลกมีผู้ที่ฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าหนึ่งล้านราย แม้แต่ในประเทศไทยเองก็มีอัตราการฆ่าตัวตายเฉลี่ยถึงหกรายต่อประชากรหนึ่งแสนคน สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนใกล้ตัวอย่างมากด้วย ซึ่งผู้ชายนั้นจะมีการฆ่าตัวตายมากกว่าผู้หญิง นับเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและมีสาเหตุได้มากมาย ซึ่งมีปัจจัยนำที่จะทำให้คนเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายดังต่อไปนี้ – มีปัญหาสุขภาพจิต โรคจิต อารมณ์แปรปรวน ภาวะซึมเศร้า – มีประวัติทำร้ายตนเองมาก่อน – มีปัญหาสุขภาพจิตและใช้ยาเสพติดร่วมด้วย – ในครอบครัวเคยมีคนฆ่าตัวตาย – มีความโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ถูกตัดขาดจากสังคมและผู้คน – เกิดความสูญเสียด้านความสัมพันธ์ การเงิน การงาน สังคม – เจ็บป่วย – มีบุคลิกภาพแบบก้าวร้าว หุนหันพลันแล่น – ไม่มีโอกาส หรือมีอุปสรรคในการเข้ารับการรักษาทางจิตเวช – อับอายในปัญหาสุขภาพจิตและการใช้ยาเสพติด จึงไม่เต็มใจรับการช่วยเหลือหรือรักษา – มีประสบการณ์หรืออิทธิพลจากการฆ่าตัวตายของคนรัก ทั้งคนในครอบครัว เพื่อนสนิท ดาราหรือคนดังที่ตนชื่นชอบ ทั้งประสบการณ์ตรงหรือได้รับจากสื่อต่าง ๆ – ศาสนาและลัทธิความเชื่อบางอย่าง ที่เชื่อว่าการฆ่าตัวตายเป็นการแก้ปัญหาที่น่ายกย่อง – มีความสามารถใช้การเข้าถึงอาวุธหรือเครื่องมือทำร้ายตนเองได้ง่าย เช่น มีด ปืน ฯลฯ ดังนั้นหากคนในครอบครัวมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย…
-
ทำความรู้จักและป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ทำความรู้จักและป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้น เกิดจากการที่เมื่ออายุมากขึ้น จะเกิดพลัคมาอุดตันที่หลอดเลือดทำให้เกิดการตีบตันของหลอดเลือดที่มาเลี้ยงหัวใจ ซึ่งพลัคดังกล่าวเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น น้ำตาลในเลือด ไขมันชนิดแอลดีแอล มีความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่จัด ทำให้เกิดการอักเสบและแตกตัวของพลัคขึ้น คราบของพลัคเหล่านี้จะจับตัวกับเกล็ดเลือดกลายเป็นลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจจึงตายได้ทันที โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันนี้จะแสดงอาการออกมาได้สองกลุ่มก็คือ – จะมีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอกเหมือนมีของหนักมาทับ เจ็บร้าวบริเวณใบหน้า ใต้ลิ้น คาง ใบหู หัวไหล่ มีเหงื่อไหลโชกเหมือนน้ำราด ไอ หอบเหนื่อย นอนราบไม่ได้ – อีกกลุ่มอาการได้แก่ ชาและเจ็บบริเวณแขนข้างซ้าย ตั้งแต่นิ้วชี้และนิ้วก้อยไล่มาที่แนวท้องแขนไปจนถึงรักแร้ เวลาตื่นเต้นมือจะเย็นและมีเหงื่อออกชุ่ม หายใจไม่ออกและเหนื่อยมากจนนอนราบไม่ได้ หรือมีความดันโลหิตสูงกว่าปกติ โดยไม่ทราบสาเหตุ การดูแลสุขภาพและป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นได้แก่ การลดอาหารที่มีความเค็ม และอาหารที่มีไขมันสูง งดการสูบบุหรี่ และการดื่มเหล้าเบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทั้งหลาย ลดน้ำหนักให้ได้มาตรฐาน ฝึกหัดกินอาหารที่มีคุณภาพตั้งแต่เด็ก ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ กินผักและผลไม้ไม่หวานบ่อย ๆ อารมณ์ดีเข้าไว้ ห่างไกลความเครียด นอนหลับให้เพียงพอ แค่นี้ก็ป้องกันและลดอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้แล้วนะคะ
-
หลากหลายวิธีป้องกันตนเองจากโรคทางเดินหายใจ
หลากหลายวิธีป้องกันตนเองจากโรคทางเดินหายใจ อาการโรคทางเดินหายใจมีหลายโรคค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ ฯลฯ เราสามารถหลีกเลี่ยงโรคเหล่านี้ได้ด้วยการดูแลตนเองดังต่อไปนี้ 1. รักษาร่างกายให้อบอุ่นเสมอ ไม่ควรเล่นน้ำหรือแช่น้ำนาน ๆ สวมใส่เสื้อผ้าที่แห้งสนิท ไม่เปียกชื้อ หากเข้าหน้าหนาวควรสวมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น 2. หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยไข้หวัด หรือผู้ที่ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชูหรือผ้าปิดปากหากต้องคลุกคลีหรือเข้าใจผู้เป็นโรคชนิดนี้อยู่ และไม่ควรใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน 3. ในช่วงที่มีโรคทางเดินหายใจระบาด ควรหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์เช็ดมือ 4. ในเด็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัวและผู้ที่อายุมากว่า 65 ปี รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ เป็นโรคหัวใจ โรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง เอดส์ โรคอ้วน ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ไว้ด้วย ในส่วนของการรักษาตัวเบื้องต้นหากติดเชื้อโรคทางเดินหายใจเช่นไข้หวัดมาแล้ว ก็คือควรอยู่ห่างจากการอยู่ในที่ชุมชน อย่าคลุกคลีกับผู้อื่นเพื่อให้เกิดการแพร่เชื้อ แยกเตียงนอนกับลูกหรือสามีภรรรยา ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก หรือหน้ากากอนามัย ไม่ควรไอจามใส่ผู้อื่น ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ ควรอาบน้ำอุ่น ๆ หรือเช็ดตัวแทน แล้วดื่มน้ำมาก ๆ กินแต่อาหารที่ย่อยง่าย ดื่มน้ำ…
-
ไม่อยากอ้วนควรนอนให้เพียงพอ
ไม่อยากอ้วนควรนอนให้เพียงพอ ที่ผ่านมาเรามักเข้าใจว่าคนที่นอนมาก ๆ นั้นเป็นคนขี้เกียจ น่าจะอ้วนกว่าคนนอนน้อย แต่ความจริงแล้วคนที่นอนมากกลับมีน้ำหนักตัวที่น้อยกว่า เพราะการนอนน้อยนั้นมีความสัมพันธ์กับน้ำหนักตัวและการสะสมไขมัน ยิ่งนอนน้อยร่างกายก็จะยิ่งมีดัชนีมวลกายเพิ่มมากขึ้น เพราะการนอนของคนเรานั้นจะมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนควบคุมความหิวที่มีชื่อว่า เกรลิน และเลปตินที่กดความหิวได้ พบว่าคนที่นอนน้อยจะมีระดับเกรลินเพิ่มขึ้นและเลปตินต่ำลง เกิดความหิว ยิ่งคนที่นอนน้อยจะยิ่งหิวมาก กินมาก และอ้วนมากกว่าคนอื่น ดังนั้นหากไม่อยากอ้วนควรนอนหลับให้เพียงพอ จะพลอยทำให้มีผลดีต่อสุขภาพไปด้วย ลดความหิว รักษาน้ำหนักตัวไว้ได้ ทำให้ความจำดี สดใส สุขภาพจิตดีขึ้น ภูมิต้านทานโรคก็ดีขึ้น ร่างกายหลั่งเมลาโทนินออกมาต้านมะเร็งได้ แก่ช้าลง และอายุยืนกว่าคนที่นอนน้อย ๆ และสำหรับผู้ที่นอนหลับค่อนข้างยากเรามีวิธีการนอนหลับที่น่าลองนำไปปฏิบัติตามดังนี้ค่ะ – ฝึกเข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกวัน วันหยุดก็ต้องทำ – ฝึกทำกิจกรรมที่เป็นกิจวัติ เช่น อ่านหนังสือง่าย ๆ ก่อนนอน อาบน้ำก่อนนอน ฯลฯ – ไม่ควรใช้เตียงนอนหรือห้องนอนสำหรับการดูหนังดูละคร ดูกีฬา ทำบัญชีเคลียร์หนี้ หรือทำงานในห้องนอน เพราะจะทำให้เครียดมากจนนอนไม่หลับได้ – จัดสภาวะห้องนอนให้เงียบสงบ สะอาด ปลอดโปร่ง จะช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น ไม่มียาลดน้ำหนักชนิดใดที่ลดน้ำหนักให้คุณได้ถาวรและมีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป ทั้งสองสิ่งนี้ต้องลงทุนทำเองค่ะ จึงจะดีต่อสุขภาพของคุณในระยะยาว
-
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน ภาวะกระดูกพรุน มักเกิดได้มากในกลุ่มผู้ที่มีอายุเกินกว่า 65 ปีขึ้นไป และพบได้มากในเพศหญิง เกิดจากเนื้อกระดูกที่บางตัวลง เพราะการสลายตัวของกระดูกมีมากกว่าสร้าง กระดูกจึงยุบตัวหรือหักได้ง่าย มักเกิดได้กับกระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก กระดูกข้อมือ แม้ผู้ที่กระดูกยังไม่หักก็มักจะพบอาการ ปวดหลัง กระดูกสันหลังยุบตัว ตัวเตี้ยลง หลั่งค่อม กระดูกส่วนอื่นเปราะหักง่าย บางทีก็ทำให้เกิดความพิการ จนเกิดภาวะแทรกซ้อนจากกระดูกหัก เช่น แผลกดทับ ติดเชื้อ ปอดบวม อวัยวะทำงานไม่ได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้สูงวัย ดังนั้นก่อนที่กระดูกของคุณจะมีปัญหาดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้ – หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้ร่างกายมีภาวะเป็นกรด เพราะแคลเซียมที่ช่วยรักษาสมดุลระหว่างความเป็นกรดด่างของเลือดจะไปสะเทินฤทธิ์กรดดังกล่าว การสูบบุหรี่จึงเร่งแคลเซียมให้สลายออกจากกระดูกมากขึ้น – งดดื่มเหล้า เพราะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในทางเดินอาหาร และส่งผลต่อตับที่ช่วยกระตุ้นวิตามินดีที่มีบทบาทสำคัญในการดูดซึมแคลเซียมด้วย – ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา ช็อกโกแลต เครื่องดื่มชูกำลังอื่น ๆ ฯลฯ ที่จะทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมามากเกินไป – ลดการดื่มน้ำอัดลม เพราะกรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลมจะทำให้ร่างกายได้รับฟอสฟอรัสมากเกินไป ร่างกายจะสลายแคลเซียมออกจากกระดูกออกมาเพื่อสะเทินฟอสฟอรัสในเลือดไม่ให้สูงจนเป็นอันตราย – หากได้รับเกลือมากเกินไปก็จะทำให้ร่างกายสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากเช่นกัน –…
-
เทคนิคช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ
เทคนิคช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ หากท่านเคยมีอาการนอนไม่หลับ หรือตื่นมาแล้วไม่สดชื่นเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม กระสับกระส่าย กว่าจะหลับได้ก็นาน หรือตื่นกลางดึกบ่อย ๆ แล้วนอนหลับต่อได้ยาก ทั้งหมดนี้เข้าข่ายอาการนอนไม่หลับได้ทั้งนั้น อาจเกิดในระยะสั้นหรือไม่เกินสองอาทิตย์ ตลอดจนเกินเป็นเดือนได้ หากไม่รีบแก้ไขอาจรบกวนการใช้ชีวิต และสร้างปัญหาให้กับสุขภาพของคุณด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเครียด โรคหัวใจ โรคซึมเศร้า และโรคอ้วน ซึ่งสาเหตุที่พบได้มากที่ทำให้นอนไม่หลับ ก็ได้แก่ การใช้โทรศัพท์มือถือก่อนนอน การดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ การใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไป รวมไปถึงความเครียดในการทำงาน ล้วนเป็นสาเหตุสำหคัญที่ทำให้นอนไม่หลับได้ทั้งสิ้น เราจึงควรปรับปรุงการนอนหลับเพราะการนอนหลับได้ลึกอย่างมีคุณภาพจะมีผลต่อความเป็นอยู่และสุขภาพ ช่วยลดความดัน ลดความเครียด รักษาน้ำหนักตัวและปริมาณไขมันในร่างกายให้อยู่ในมาตรฐานได้ง่ายขึ้น การนอนหลับยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ ทำให้ร่างกายสดชื่นมีพลัง การจดจำและประสิทธิภาพของสมองดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้อีกด้วยค่ะ วิธีหนึ่งก็คือการทานอาหารที่ทำให้หลับง่าย ได้แก่ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชไม่ขัดสี เพราะมีวิตามินบีที่ช่วยในการนอนหลับ ในช่วงเย็นให้กินแต่พอดี อย่ากินอาหารที่มีแก๊สมาก พวก หัวหอม ถั่ว กะหล่ำปลี หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มที่ทำให้ต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก อย่าใช้เตียงเพื่ออ่านหนังสือ นอนเล่น หรือดูทีวี ควรใช้เพื่อการนอนเท่านั้น อีกทั้งควรลุกจากเตียงทันทีที่นอนไม่หลับ เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา ไม่ควรงีบหลับในเวลากลางวันด้วย การจัดห้องนอนและพื้นที่สำหรับนอนหลับก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน…
-
ฝึกลูกให้กินข้าว
ฝึกลูกให้กินข้าว บางครั้งเด็กเล็กบางคนที่กำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ก็มักจะมีอาการไม่ยอมกินข้าวอยู่ได้เหมือนกัน บางคนก็ห่วงเล่น หรือห่วงเดิน ห่วงสนใจสิ่งอื่น ๆ มากกว่าการกินอาหาร เด็กบางคนก็อาจเบื่ออาหารกินได้น้อยลง จนอาจทำให้มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนการได้ การพิจารณาดูว่าลูกกำลังขาดสารหาอาหารหรือไม่ ก็ด้วยการจดบันทึกในสมุดสุขภาพแม่และเด็ก หากเด็กมีพัฒนาการตามเกณฑ์ปกติก็ไม่ต้องกังวลอะไร แต่หากเด็กมีพัฒนาล่าช้าแล้ว เช่น น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์หรือเตี้ยกว่าเกณฑ์ ก็ควรใส่ใจการกินอาหารของลูกเป็นพิเศษ ด้วยการให้เด็กได้รับสารอาหารให้มากขึ้น และเพียงพอกับการพัฒนาของร่างกาย อาหารที่ควรให้เด็กได้ทานนั้นควรมาจากธรรมชาติ เพราะเป็นแหล่งอาหารที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ปลา ไข่ นม ข้าวแป้ง ไขมัน ผักผลไม้ต่าง ๆ ควรผ่านการปรุงแต่งให้น้อยและกินให้หลากหลายที่สุด เด็กจะได้ไม่เบื่อ ส่งผลดีต่อการพัฒนาร่างกายของลูก ลองนำเอาเทคนิคง่าย ๆ เหล่านี้ไปใช้ดู – ฝึกให้ลูกกินข้าวเป็นเวลา ไม่ป้อนจุบจิบนอกเวลาอาหาร และควรทำให้บรรยากาศในการกินข้าวสบาย ๆ ไม่ฝืนหรือสร้างเงื่อนไข ไม่บังคับ จนทำให้เด็กมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการกินข้าว – จัดเมนูอาหารให้เหมาะกับลูก ให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการเลือกอาหารด้วย เช่น ช่วยเตรียมการปรุง เตรียมอาหาร ไปจ่ายตลาดด้วยกัน ฯลฯ – ในส่วนของอาหารว่างความให้อาหารที่มีคุณค่า…