Author: pure

  • 10 วิธีขจัดความเครียด

    10 วิธีขจัดความเครียด

    10 วิธีขจัดความเครียด ความเครียดที่ใครต่อใครก็เป็นกันอยู่นั้น ท่านอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิตเรา แต่ความจริงแล้วหากมีความเครียดที่มากเกินไป อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพเราได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิตสูง แผลในกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ โรคอ้วน เบาหวาน หรือฆ่าตัวตาย ตลอดจนเรื่อยจนถึงปัญหากับสังคมรอบข้าง และความจำได้ด้วย ความเครียดจึงเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม แต่ควรหาทางขจัดความเครียดออกไปจะดีกว่าค่ะ 1. หากมีความเครียดที่เกิดจากการต้องไปทำอะไรแปลกใหม่ เช่น การสัมภาษณ์งาน หรือนำเสนอผลงาน ให้ลองนึกภาพเหตุการณ์หรือวางแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้มากขึ้น ให้มองเห็นแต่ภาพดี ๆ แต่ความสำเร็จเท่านั้น กับทั้งเตรียมตอบคำถาม แก้สถานการณ์ไว้ด้วย 2. มองด้านดีของปัญหา จะทำให้สบายใจได้มากขึ้น 3. ลองวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าหากมีเหตุการณ์ด้านลบเกิดขึ้นจะทำอะไรกับชีวิต เช่น บริษัทปลดออกจากงาน เป็นต้น 4. เวลาสมองเกิดความตึงเครียดให้ใช้วิธีหายใจเข้าออกลึก ๆ 5. สร้างอารมณ์ที่ดีขึ้นด้วยการเปลี่ยนความคิดจากความเครียดหรือเรื่องที่ไม่สบายใจอย่างฉับพลันไปเป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุข เช่น มองดูภาพสัตว์เลี้ยง หรือลูก ๆ หรือเด็กทารกที่ทำให้อารมณ์ดี 6. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อดู เพราะความเครียดมากทำให้เราเกร็งกล้ามเนื้อโดยไม่รู้ตัว ค่อย ๆ ไล่ผ่อนคลายไปทีละส่วน ๆ 7. การออกกำลังกายให้เหงื่อออกช่วยลดความเครียดได้…

  • สังเกตอุจจาระของตัวเองบ่งบอกสุขภาพได้

    สังเกตอุจจาระของตัวเองบ่งบอกสุขภาพได้

    สังเกตอุจจาระของตัวเองบ่งบอกสุขภาพได้ หลังการอุจจาระแต่ละครั้งเราควรสังเกตลักษณะของอุจจาระด้วยว่ามีลักษณะอย่างไร เพราะสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของตัวเราได้ ซึ่งอุจจาระปกตินั้นร้อยละ 25 จะแข็ง ส่วนที่เหลือจะเป็นน้ำ ลักษณะของอุจจาระจะขึ้นอยู่กับอาหารที่ทานเข้าไป รวมไปถึงระบบย่อยอาหารของแต่ละคน สามารถแบ่งออกเป็นสองลักษณะใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ 1. อุจจาระปกติดี มีสีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลเข้ม มีความอ่อนนุ่ม และอาจมีสีเขียว เหลืองแซมบ้าง ตามแต่ว่าผู้นั้นจะบริโภค ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์อะไรเข้าไป จะมีลักษระกึ่งลอยกึ่งจมน้ำ 2. อุจจาระที่ไม่ปกติ จะแยกย่อยออกได้ดังนี้ 2.1 อุจจาระมีเลือดปน จะพบเมื่อมีอาการผิดปกติได้แก่ – มีเลือดสดปนออกมา ซึ่งอาจมีจำนวนเล็กน้อย เกิดจากการระคายเคืองบริเวณทวารหนักจากก้อนอุจจาระ การฉีกขาดของทวารหนัก เลือดจากแผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กมีการระคายเคืองหรืออักเสบอย่างรุแรงจากลำไส้อักเสบ การอักเสบของส่วนผนังลำไส้ที่ยื่นออกมา รวมไปถึงมะเร็งและโรคอื่น ๆ ได้ด้วย – มีเลือดเก่าหรือเลือดแอบแฝงที่มองไม่เห็นออกมา สีของเลือดที่พบจะบ่งบอกถึงตำแหน่งของเลือดได้ หากเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนบนบริเวณกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก ลักษณะของอุจจาระจะเปลี่ยนไป จากสีน้ำตาล เป็นดำสนิท เหนียวมีกลิ่นเหม็นรุนแรง 2.2 อุจจาระมีลักษณะสีขาวซีด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการไม่มีน้ำดีในลำไส้เล็ก เกิดจากการอุดกั้นของทางเดินน้ำดีที่ผลิตจากตับและถุงน้ำดี น้ำดีจึงไม่สามารถเข้าสู่ลำไส้ได้ 2.3 อุจจาระผิดปกติแบบอื่น…

  • การป้องกันโรคฉี่หนู และโรคตาแดง และโรคผิวหนังในช่วงที่มีน้ำท่วม

    การป้องกันโรคฉี่หนู และโรคตาแดง และโรคผิวหนังในช่วงที่มีน้ำท่วม

    การป้องกันโรคฉี่หนู และโรคตาแดง และโรคผิวหนังในช่วงที่มีน้ำท่วม โรคที่มักจะระบาดบ่อย ๆ เวลาน้ำท่วมได้แก่ โรคตาแดง โรคฉี่หนู และโรคผิวหนัง โรคฉี่หนูจะมีอาการไข้สูง ปวดหัว เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อน่อง ตาแดง ตาเหลืองได้ ควรหลีกเลี่ยงการแช่น้ำ ลุยย่ำน้ำโคลนโดยไม่จำเป็น แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมรองเท้าบู้ทยางกันน้ำ ยิ่งโดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผลแล้วยิ่งควรระวัง ไม่ควรแช่น้ำนาน ๆ เมื่อขึ้นจากน้ำควรรีบชำระล้างร่างกายให้สะอาดแล้วซับให้แห้ง ทานอาหารในภาชนะที่ปิดมิดชิด เก็บขยะทั้งหมดใส่ถุงพลาสติกและถังขยะที่ปิดมิดชิด ไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนูได้ และควรดูแลที่พักอาศัยให้ปราศจากหนูด้วย ส่วนโรคตาแดง หรือเยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อไว้รัสนั้น จะมีอาการระคายเคืองตา ปวดตา น้ำตาลไหล กลัวแสง มีขี้ตา ตาแดงหนังตาบวม โดยอาจเริ่มที่ตาข้างหนึ่งก่อนแล้วลามไปอีกข้าง บ้างก็มีไข้ร่วมด้วย ควรป้องกันโดยหมั่นล้างมือให้สะอาด ด้วยน้ำกับสบู่ ไม่ควรขยี้ตาและอย่าให้แมลงตอมตาได้ หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น อาทิเช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว และควรแยกที่นอนจากคนอื่นด้วย ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาหยอดตา ยิ่งหากมีอาการปวดตามาก ตามัว ขี้ตาเหลืองหรือเขียว หรือไม่ทุเลาภายในหนึ่งสัปดาห์ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ โรคผิวหนังที่มากับน้ำท่วมนั้น จำแนกอาการของแต่ละโรคได้ดังนี้…. – ผื่นคัน จะมีผื่นหรือมีตุ่มคันบริเวณที่สัมผัสกับน้ำหรือโดนยุงกัด มักเกิดขึ้นพร้อมกันหลาย…

  • ตับแข็งไม่ได้เกิดจากการกินเหล้าเท่านั้น

    ตับแข็งไม่ได้เกิดจากการกินเหล้าเท่านั้น

    ตับแข็งไม่ได้เกิดจากการกินเหล้าเท่านั้น โรคตับ นั้นมีสาเหตุหลายประการ ซึ่งภาวะไขมันพอกตับนั่นก็เป็นอีกปัญหาที่พบมาก เกิดได้จากการดื่มเหล้า การสูบบุหรี่ การรับสารพิษสารเคมีต่าง ๆ ภาวะขาดอาหาร หรือได้รับสารอาหารมากเกินไปจนร่างกายสะสมไว้ในรูปแบบไตรกลีเซอไรด์ในตับ ผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรังนั้นกว่าร้อยละ 60 มีภาวะไขมันพอกตับ และมักมีปัจจัยต่อไปนี้ร่วมด้วย ได้แก่ อ้วนลงพุง ไขมันที่ลำตัวมากกว่าแขนขา เป็นเบาหวาน มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ไขมันพอกตับนี้ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการออกมา กว่าจะรู้ตัวก็มักเป็นโรคตับอักเสบหรือตับแข็งไปแล้ว มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นจะแสดงอาการออกมา ซึ่งอาจมีอาการปวดแน่นชายโครงขวา อ่อนเพลียง่าย ๆ ผู้ที่มีกรรมพันธุ์ครอบครัว ญาติพี่น้องเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ยิ่งควรให้ความใส่ใจกับสุขภาพมากเป็นพิเศษ ได้แก่… – ดูแลน้ำหนักตัวให้อยู่ในมาตรฐาน ดูแลอาหารการกิน เลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยกะทิ น้ำมัน นม เนย ชีส กุ้ง ปูไข่ ไข่แดง และอื่น ๆ รวมไปถึงอาหารที่มีน้ำตาลและแป้งมากด้วย เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของไตรกลีเซอร์ไรด์ในตับได้ ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย – หมั่นตรวจสุขภาพทุกปี เพื่อให้ทราบความผิดปกติของร่างกายในส่วนต่าง ๆ รวมทั้งตับด้วย และควรดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเหมาะสม –…

  • บทบัญญัติ 10 ประการจากองค์การอนามัยโลก ช่วยป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ

    บทบัญญัติ 10 ประการจากองค์การอนามัยโลก ช่วยป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ

    บทบัญญัติ 10 ประการ จากองค์การอนามัยโลกช่วยป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ ในช่วงหน้าร้อนนี้จะพบการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษได้มากขึ้น ยิ่งเป็นอาหารที่ปรุงโดยสุก ๆ ดิบ ๆ หรืออาหารที่ทำไว้นานเกิน 4 ชั่วโมงด้วยแล้ว แบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้เร็ว ทำให้อาหารบูดเสียง่าย อากาศเมืองไทยก็เป็นเมืองร้อน จึงยิ่งเร่งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้เร็วขึ้น ซึ่งเมนูอันตรายที่ทำให้เป็นอาหารเป็นพิษนั้นก็ได้แก่ ลาบหมู ก้อยดิบ ยำกุ้งเต้น ยำหอยแครง ข้าวผัดโรยด้วยเนื้อปู ยิ่งโดยเฉพาะอาหารที่ทำปริมาณมาก ๆ เช่น อาหารกล่องแจกนักเรียน อาหารกล่องนักท่องเที่ยวหรือผู้ประสบภัย อาหารที่ปรุงเข้ากะทิ ขนมจีน ข้าวมันไก่ ส้มตำ สลัดผัก รวมไปถึงน้ำแข็งด้วย การป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคอาหารเป็นพิษนั้นให้ใช้บทบัญญัติ 10 ประการจากองค์การอนามัยโลก ดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ทานอาหารที่ผ่านกระบวนการที่สะอาดและปลอดภัย เช่น นมพาสเจอร์ไรซ์ ผักผลไม้ที่ล้างด้วยน้ำมาก ๆ ให้สะอาดอย่างทั่วถึง 2. ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึงก่อนทาน 3. ทานแต่อาหารที่ปรุงสุกใหม่ 4. หากจำเป็นต้องเก็บอาหารที่ปรุงสุกไว้นานกว่า 4-5 ชั่วโมงควรเก็บไว้ในตู้เย็น อาหารสำหรับเด็กทารกไม่ควรเก็บข้ามมื้อ 5. ก่อนที่จะนำอาหารมาทานควรอุ่นให้ร้อนจนเดือด…

  • คนที่ชอบทานแมลงทอด ให้ระวัง!

    คนที่ชอบทานแมลงทอด ให้ระวัง!

    คนที่ชอบทานแมลงทอด ให้ระวัง! บรรดาแมลงทอดทั้งหลายนั้น มีจุดเด่นทางโภชนาการก็คือ มีสารอาหารกลุ่มโปรตีน ไขมันสูงมาก แต่เกลือแร่และวิตามินกลับมีไม่มากเท่าไรนัก ซึ่งแมลงเหล่านี้จะให้พลังงานดังนี้คือ – กลุ่มหนอนไหม หนอนไม้ไผ่ ไข่มดแดง ตัวต่อ ตัวอ่อนของผึ้ง จะให้พลังงานสูงคือ แมลงดิบหนัก 100 กรัม จะให้พลังงานตั้งแต่ 140-230 กิโลแคลอรี่ – ส่วนกลุ่มแมลงปีกแข็ง ตัวอย่างเช่น แมงตับเต่า จิ้งหรีด ตั๊กแตนปาทังก้า ถ้าเด็ดปีกออกเลือกเฉพาะส่วนที่กินได้ 100 กรัม จะให้พลังงานตั้งแต่ 90-150 กิโลแคลอรี่ ปริมาณพลังงานข้างต้นคือผ่านการปรุงให้สุกด้วยการลวก นึ่ง แกง แต่หากนำไปทอดจะเพิ่มพลังงานขึ้น 3-4 เท่า เพราะแมลงเหล่านี้จะดูดซับเอาไขมันจากน้ำมันระหว่างการทอดไว้อีกถึง 13-17 กรัม ต่อน้ำหนักแมลง 100 กรัมเลยทีเดียว ดังนั้นแมลงที่ผ่านการทอดอาจให้พลังงานสูงถึง 650-700 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว เรียกได้ว่าถ้ากินมาก ๆ อาจอ้วนไม่รู้ตัวเลยค่ะ และหากคุณชอบกินแมลงทอดเหล่านี้มาก ๆ ควรระมัดระวังดังต่อไปนี้ด้วย –…

  • ลดหนี้สินทางจิตใจ คิดบวกบำบัดทุกข์

    ลดหนี้สินทางจิตใจ คิดบวกบำบัดทุกข์

    ลดหนี้สินทางจิตใจ คิดบวกบำบัดทุกข์ ความทุกข์ที่คนเราแบกไว้นั้น ก็เหมือนหนี้ก้อนใหญ่ก้อนใหญ่ เมื่อใดที่จิตเป็นทุกข์ก็เท่ากับเรากำลังสร้างขึ้นขึ้นไปเรื่อย ๆ ต้องค่อย ๆ ชำระหนี้สินที่ได้รับมาให้หมดไป ภาระที่แบกไว้จึงจะเบาลงได้ ดังนั้น หากเราไม่อยากมีหนี้สินทางจิตใจมากกว่าเดิม เราก็ควรคิดบวกเพื่อบำบัดทุกข์ทางใจ โดยวิธีต่อไปนี้ – ในเวลาที่ร่างกายเจ็บป่วย ไม่ควรกังวล แต่ให้จินตนาการว่าเราไม่เป็นอะไร การหมกมุ่นกับอาการป่วยนอกจากไม่ช่วยให้หายจากโรคแล้ว สุขภาพยังแย่ลงไปเรื่อย ๆ ควรคิดบวกคิดถึงสิ่งที่ดี สุขภาพที่ดี อาการเจ็บป่วยจึงจะหายไปได้ แนะนำให้สวดบทโพชฌงคปริตร (บทสวดเพื่อละวางทุกข์จากการเจ็บป่วย) แล้วแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย รวมทั้งตนเองด้วย และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้หายป่วยได้เร็วขึ้น – เวลาที่ผิดหวัง ไม่สมหวังในการได้สิ่งใด ๆ มาก หากไม่อยากผิดหวังก็ควรรู้สึกพอใจกับสิ่งที่มีในปัจจุบันจะดีกว่า การตั้งความหวังน้อย โอกาสที่ความผิดหวังมาเยือนก็จะน้อยลงไปด้วย – เวลาที่ผิดหวังในความรัก หากปล่อยให้ตัวเองมัวแต่เสียใจ ก็เท่ากับไม่รักตัวเอง แล้วใครจะมารักเรา ดังนั้นควรต้องรักและเมตตาตนเองก่อน อย่าหมกมุ่นทำร้ายตัวเองซ้ำซาก คิดเสียว่าเราไม่ใช่ของเรา เขาทิ้งเราไม่ใช่ว่าเราไม่มีค่า มันแค่ไม่ใช่ก็เท่านั้นเอง – เวลาแห่งการสูญเสีย ควรทำความเข้าใจว่าเรากลับไปเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ ไม่ควรไปยึดติดกับสิ่งใด เพราะทุกอย่างในโลกนี้ล้วนต้องเปลี่ยนแปลง รักษาใจไว้กับปัจจุบันแล้วยอมรับความเป็นไปว่าเป็นธรรมดาของโลก ตั้งจิตให้เป็นกุศล แผ่เมตตาให้ตัวเองและผู้อื่นดีกว่า…

  • การระวังป้องกันและรักษาโรคติดต่อจากยุงในเบื้องต้น

    การระวังป้องกันและรักษาโรคติดต่อจากยุงในเบื้องต้น

    การระวังป้องกันและรักษาโรคติดต่อจากยุงในเบื้องต้น โรคติดต่อจากยุงที่พบมากในภูมิภาคของเรานั้นก็ได้แก่ โรคไข้เลือดออก และไข้มาลาเรีย ยิ่งในฤดูฝนต่อฤดูหนาวแล้วก็ยิ่งพบได้บ่อยด้วย โรคไข้เลือดออกนั้นจะมีอาการไข้สูงตลอดเวลา หน้าแดงตาแดง ปวดท้อง อาเจียน มีผื่นหรือมีจุดจ้ำแดงขึ้นตามตัว ส่วนไข้มาลาเรียนั้น มักจะมีอาการจับไข้หนาวสั่นเป็นบางเวลา ทุกวัน หรือวันเว้นวันก็ได้ บางครั้งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มียุงมากได้ ก็ควรป้องกันตัวเองดังต่อไปนี้ค่ะ – ไม่ควรให้ยุงกัด ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม ควรนอนกางมุ้ง สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ห่มผ้าหนา ๆ ใช้กับดักยุง ทายากันยุง หรือใช้ตะไคร้หอม หรือใบกะเพราะดำคั้นน้ำมาทาตามลำตัวเพื่อไล่ยุง – ในบริเวณที่พักอาศัยและในชุมชน ควรกำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยการปิดฝาภาชระใส่น้ำ คว่ำหรือทำลายภาชนะที่มีน้ำขัง โรยผงซักฟอกในภาชนะที่มีน้ำขัง เช่น ถาดรองกระถางต้นไม้ จานรองตู้กับข้าง ด้วยอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำสองลิตร หรือจะปล่อยปลาหางนกยูงหรือปลากัดลงในบ่อน้ำที่ไม่ได้ใช้ดื่มกิน – กำจัดยุงโดยการผสมผงซักฟอก สบู่เหลว แชมพู หรือน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำหนึ่งลิตร คนอย่าให้เป็นฟอง แล้วใส่กระบอกฉีดน้ำ ฉีดยุงที่เกาะตามบริเวณบ้าน การเยียวยาเบื้องต้นสำหรับผู้ที่เริ่มเป็นไข้ตัวร้อนแล้ว ก็คือไม่ควรอาบน้ำเย็น ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวแทน…

  • ระยะต่าง ๆ ของโรคอัลไซเมอร์

    ระยะต่าง ๆ ของโรคอัลไซเมอร์

    ระยะต่าง ๆ ของโรคอัลไซเมอร์ ความแก่ชรานั้นเป็นโรคชนิดหนึ่ง แล้วยังกระตุ้นให้เกิดความเสื่อมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจ กระดูกพรุน อัลไซเมอร์และโรคอื่น ๆ เข้ามาทำลายร่างกายได้อีก ยิ่งมลภาวะในสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันยิ่งมากขึ้น ก็ยิ่งเร่งให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ในร่างกายมากขึ้นด้วย ความแก่ชราจึงมาเยือนเร็วกว่าเดิม สมองก็เป็นอีกอวัยวะหนึ่งเช่นกัน ที่ได้รับผลกระทบจากความแก่ชราของร่างกายไปด้วย โรคอัลไซเมอร์ คือโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของเซลล์สมอง ถูกค้นพบเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา และยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มักพบได้ในคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป โรคนี้ทำให้เกิดความบกพร่องในระดับของสติปัญหา ทั้ง ความคิด ความจำ การตัดสินใจ ซึ่งอาการของโรคนี้จะแบ่งออกเป็นสามระยะได้แก่ – ระยะแรก ผู้ป่วยจะเสียความจำ ที่ไม่เหมือนกันหลงลืมทั่วไป แต่จะจำอดีตไม่ได้ จำสิ่งใหม่ ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้าก็ไม่ได้ – ระยะที่สอง ผู้ป่วยจะเริ่มเห็นภาพหลอน หูแว่ว ก้าวร้าว อาจเดินออกจากบ้านแล้วกลับบ้านไม่ถูก – ระยะสุดท้าย สมองจะถูกทำลายจนไม่สามารถควบคุมการทำงานต่างๆ ของร่างกายได้ ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด ผู้ป่วยจะมีความยากลำบากในการสื่อสาร การคิด การเรียนรู้ การใช้เหตุผล ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตอย่างรุงแรง…

  • ดื่มยาหอมบำรุงหัวใจและระบบย่อยอาหาร

    ดื่มยาหอมบำรุงหัวใจและระบบย่อยอาหาร

    ดื่มยาหอมบำรุงหัวใจและระบบย่อยอาหาร อย่าเพิ่งคิดว่ายาหอมจะเป็นยาสำหรับคนแก่เท่านั้นนะคะ ความจริงแล้วยาหอมเป็นยาที่เหมาะสำหรับทุกวัยช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ได้ โดยในยาหอมแต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบที่แตกต่างกันไป ซึ่งตามบัญชียาแผนโบราณสามัญประจำบ้านนั้น มียาหอมอยู่ถึงสี่ชนิดได้แก่ – ยาหอมเทพจิตรช่วยบำรุงหัวใจ แก้ลม – ยาหอมทิพโอสถ แก้ลมวิงเวียน – ยาหอมอินทจันทร์ แก้คลื่นไส้อาเจียนได้ – ยาหอมนวโกฐ แก้ลมคลื่นเหียนอาเจียน ยาหอมนั้นเป็นยาที่ช่วยปรับการทำงานของลมที่เคลื่อนไหวในร่างกาย (ตามหลักการแพทย์แผนไทย) ส่งผลต่อจิตใจ อารมณ์ และความรู้สึก คยาหอมบางชนิดปรับสมดุลการหมุนเวียนของเลือดที่เรียกว่าลมละเอียด และบางชนิดก็แก้ปัญหาที่ลมกองหยาบ ที่หมายถึงอาการจุกเสียดในท้อง ยาหอมไม่ใช่ยารักษาโรคโดยตรง แต่เป็นยาปรับสมดุลธาตุ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ทำให้ลมไหลเวียนได้สะดวก ทำให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ตามปกติ การดูแลสุขภาพนั้นควรดูแลอวัยวะหลายส่วนทั้งภายในและภายนอกไปพร้อมกัน เพราะอวัยวะทุกส่วนต่างทำงานสัมพันธ์กัน และควรดูแลจิตใจให้ดีด้วย หากจำเป็นต้องใช้ยา ลองใช้ยาสมุนไพรพื้นบ้าน หรือลองหายาหอมไว้ประจำบ้านหรือติดกระเป๋าไว้ในบ้างก็ดีไม่น้อยเลยนะคะ