Author: pure
-
ดูแลตัวเองอย่าให้อุจจาระคั่งค้างจนท้องผูกได้
ดูแลตัวเองอย่าให้อุจจาระคั่งค้างจนท้องผูกได้ อุจจาระที่ร่างกายของเราย่อย และเตรียมขับถ่ายออกมาจากร่างกายนั้น หากเราไม่ได้ถ่ายออกมาจะเกิดการบูดเน่าและมีสารพิษขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้ในร่างกาย สารพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายใหม่ ยิ่งคุณไม่ยอมถ่ายนานเท่าไรร่างกายก็ยิ่งได้รับพิษนานขึ้นไปนั่นเอง ทำให้ร่างกายเกิดความไม่ปกติต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น เป็นสิว ป่วยบ่อย ปวดหัวบ่อย ๆ เป็นต้น อุจจาระที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายเรานั้น เพียงแค่ไม่นานก็รู้สึกอึดอัดแล้ว แต่หากทิ้งไว้เป็นระยะนานอุจจาจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง ๆ ทำให้เกิดปัญหาการขับถ่ายที่เรียกว่าท้องผูกนั่นเอง ความจริงแล้วความถี่ในการถ่ายอุจจาระของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เพราะต่างก็มีวิถีชีวิตที่ต่างกันไป ทั้งอาหารการกิน การออกกำลังกาย การดื่มน้ำ ฯลฯ ทำให้บางคนถ่ายท้องทุกวัน บางคนก็วันเว้นวันก็มี ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่แน่ใจได้ว่าทุกคนต้องไม่อยากท้องผูกเป็นแน่ ดังนั้นเรามาดูแลตัวเองอย่าให้อุจจาระคั่งค้างจนเกิดอาการท้องผูกกันด้วยวิธีดังต่อไปนี้ดีกว่าค่ะ 1. ทานอาหารที่มีกากใยมา ๆ พวกผักผลไม้ต่าง ๆ จะช่วยดูดซับน้ำในลำไส้ใหญ่ไว้ ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้ถ่ายออกได้ง่าย 2. ดื่มน้ำให้ได้มากกว่าวันละสองลิตรขึ้นไป เมื่อร่างกายมีน้ำเหลือใช้จะถูกดูดซับเก็บไว้ในอุจจาระมากขึ้น อุจจาระจะอุ้มน้ำ พองตัว นิ่มเหลวและถ่ายออกได้ง่ายด้วย 3. ออกกำลังกาย หรือออกำลังด้วยกล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างต่อเนื่องจะช่วยกระตุ้นลำไส้ให้ขับถ่ายอุจจาระออกมาได้ง่าย สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกอยู่แล้วลองนำหลักการทั้งสามข้อนี้ไปแก้ปัญหาดูนะคะ อีกทั้งยังควรจัดเวลาให้เข้าห้องน้ำขับถ่ายตรงเวลากันทุกวันด้วยก็จะดี หากนำไปลองทำตามแล้วไม่เกิดผลดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์จะดีกว่าค่ะ
-
กลิ่นตัว.. ปัญหาที่คนใกล้ตัวไม่กล้าเอ่ยปาก
กลิ่นตัว.. ปัญหาที่คนใกล้ตัวไม่กล้าเอ่ยปาก แม้ว่าการมีกลิ่นตัวจะไม่ทำให้มีผลต่อสุขภาพ แต่ในด้านบุคลิกภาพแล้ว ก็นับว่าเสียหายได้มากเหมือนกัน บางคนไม่รู้ตัวมาก่อนว่ามีกลิ่น คนใกล้ตัวก็ไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรดี หากไม่สนิทกันจริง ๆ ก็คงเป็นเรื่องลำบาก กลิ่นตัวนั้นมักมีพบได้มากในหน้าร้อนและหน้าฝน เวลาอากาศร้อนอบอ้าว เหงื่อก็จะไหลออกมามาก ส่วนกลิ่นตัวนั้นเกิดจากต่อมเหงื่อที่หลั่งของเหลวสีน้ำนมออกมา เมื่อแบคทีเรียบนผิวกายเราย่อยของเหลวสีน้ำนมนั้นจะทำให้เกิดกลิ่นตุ ๆ ขึ้น อีกแบบก็คือเหงื่อใส ๆ ที่ทำให้เปียกชื้นใต้วงแขน แม้ช่วงแรกจะไม่มีกลิ่น แต่เมื่อมีการเติบโตของแบคทีเรียขึ้น ก็จะเกิดเป็นกลิ่นตัวได้ ผู้ที่มีกลิ่นตัวมากกว่าคนอื่นได้แก่คนอ้วน คนที่เป็นโรคเบาหวาน และหญิงที่ตั้งครรภ์ มักเกิดกลิ่นตัวง่ายกว่าคนทั่วไป อากาศที่ร้อนและอารมณ์หงุดหงิดก็ทำให้มีเหงื่อมากกว่าปกติด้วย วิธีการแก้ปัญหากลิ่นตัวนั้นก็ทำได้โดย 1. สวมเสื้อผ้าที่หลวม โปร่งสบาย ระบายอากาศและระบายเหงื่อได้ง่าย 2. อาบน้ำวันละสองครั้งและใช้สบู่ฟอกให้ทั่วตัว รวมทั้งตามจุดอับ ข้อพับต่าง ๆ ด้วย 3. บริเวณที่อับชื้นได้ง่าย เช่น ขาหนีบ ซอกนิ้วเท้า รักแท้ ให้โรยแป้งฝุ่นให้แห้ง 4. ซักเสื้อผ้าให้สะอาดและตากให้แห้งสนิท เพราะเสื้อผ้าที่ไม่สะอาดและอับชื้นจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียเกิดกลิ่นเหม็นได้ 5. โกนหรือถอนขนรักแร้ออกจะช่วยลดกลิ่นตัวได้ 6. ลดการกินอาหารที่มีกลิ่นฉุนเฉียว และเครื่องเทศต่าง ไม่ว่าจะเป็น…
-
เตรียมให้พร้อมทั้งรถทั้งคน สำหรับการเดินทางไกล
เตรียมให้พร้อมทั้งรถทั้งคน สำหรับการเดินทางไกล ในช่วงที่มีวันหยุดยาวติดกันหลายวัน มักจะเกิดเหตุการณ์คนกรุงเทพฯ หลั่งไหลกันออกต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก บ้างก็ถือโอกาสได้กลับบ้านไปเยี่ยมญาติมิตร บางก็ถือโอกาสเที่ยวพักผ่อนไปในตัว แต่อย่าลืมว่าอุบัติเหตุนั้นก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดหมาย ดังนั้นเราจึวควรเตรียมพร้อมไว้ก่อนดีกว่าค่ะ 1. ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเหล้า หรือเสพสารเสพติดอื่นๆ รวมทั้งการกินยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วง เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก รักษาจิตใจให้แจ่มใสเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดี ไม่หงุดหงิดโมโห เครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไปนัก 2. มีความเชี่ยวชาญในการขับขี่ หากเป็นรถคันใหม่ต้องมีความคุ้นเคยเสียก่อน ต้องมีใบขับขี่และมีความรู้ในการปฏิบัติตามกฎจราจร คาดเข็มขัดนิรภัยและสวมหมวกกันน๊อกทุกครั้ง 3. ตรวจสภาพของพาหนะให้พร้อม เตรียมพร้อมและแก้ไขความบกพร่องต่าง ๆ ไว้ ไม่ว่าจะเป็น คันเร่ง เบรก แตร กระจกมองหลัง น้ำมันเครื่อง สัญญาณไฟ ฯลฯ และจัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินไว้ประจำรถรวมทั้งต้องเรียนรู้การใช้งานให้ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ยางอะไหล่ แม่แรง สายพ่วงแบตเตอรี่ ไฟฉาย ฯลฯ จะช่วยให้เดินทางอย่างอุ่นใจและปลอดภัยมากขึ้น 4. ศึกษาเส้นทางโดยละเอียด จะลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและการหลงทางได้มาก ควรเลือกใช้เส้นทางที่ปลอดภัยและไม่อยู่ในช่วงที่กำลังซ่อมบำรุงด้วยจะปลอดภัยที่สุด แม้จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมายในช่วงวันหยุด แต่หากเราเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกาย จิตใจและพาหนะ ต่อให้มีสิ่งใดเกิดขึ้นก็จะผ่อนหนักเป็นเบาได้มากเลยค่ะ
-
อีสุกอีใส มักระบาดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน
อีสุกอีใส มักระบาดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน อีสุกอีกใส เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด คือไวรัสวาริเซลลา หรือฮิวแมน เฮอร์ปีไวรัส ชนิดที่สาม โรคนี้สามารถเป็นได้ตลอดปีแต่จะระบาดมากที่สุดในช่วงต้นปี ส่วนมากมักเกิดขึ้นกับเด็กที่อายุน้อยกว่า 10 ขวบ อาการจะไม่รุนแรงนักผู้ที่เป็นแล้วจะมีภูมิคุ้มกันโรคไปตลอด อาจเป็นซ้ำบ้างแต่จะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก บางคนเชื้ออาจแฝงตัวตามปมประสาท ทำให้เมื่อแก่ตัวขึ้นหรือภูมิต้านทานต่ำลงจะปรากฎออกมาเป็นโรคงูสวัดได้ อีสุกอีใส ติดต่อกันได้เหมือนหวัดก็คือการสูดเอาละลองของน้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วย เข้าไป หรือไปสัมผัสกับตุ่มน้ำโดยตรงจากผู้ป่วย หรือสัมผัสผ่านทางสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้วประมาณ 10-20 วันจะมีอาการไข้ขึ้น ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ปวดหัว เบื่ออาหาร มีผื่นแดงขึ้นตามตัว อาจขึ้นตั้งแต่วันแรก ๆ ที่มีไข้เลยก็ได้ โดยจะทยอยขึ้นจนเต็มตัวภายใน 3-4 วัน ตุ่มจะมีขนาดและลักษณะที่แตกต่งกัน บางแห่งก็เป็นผื่นราบ บางแห่งก็เป็นตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง แล้วจึงตกสะเก็ด การรักษาอีสุกอีใสนั้นควรไปพบแพทย์ เพื่อรับยา โรคนี้โดยทั่วไปจะหายได้เองภายใน 1-3 อาทิตย์ ผู้ป่วยควรพักผ่อนให้มาก รักษาร่างกายให้อบอุ่น ดื่มน้ำให้มาก ๆ หากมีไข้ใช้ยาลดไข้พาราเซตตามอลห้ามใช้แอสไพรินเพราะตับอาจอักเสบได้ ควรตัดเล็บให้สั้น อย่างเกาหรือแกะตุ่มน้ำเพราะจะทำให้ติดเชื้อและเกิดแผลได้ ควรอาบน้ำฟอกสบู่ให้สะอาด…
-
E.Q. กับความรักความผูกพันในครอบครัว
E.Q. กับความรักความผูกพันในครอบครัว การที่ครอบครัวจะอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข ต้องอาศัยความเข้าใจ การยอมรับและการประนีประนอมกัน จึงจะทำให้เกิดความสุขขึ้นภายในบ้านได้ หากต่างคนต่างเอาแต่ความคิดของตนเองเป็นใหญ่ เอาแต่เหตุผลส่วนตัวมาอ้าง ไม่พยายามเข้าใจกันและกัน หรือยอมรับความบกพร่องของแต่ละฝ่าย เมื่อมีปัญหาก็มักทุ่มเถียงไม่ลงกันให้ ปัญหาก็ไม่คลี่คลาย ซ้ำร้ายบางคู่ยังทำร้ายกันทั้งวาจาและร่างกายอีกด้วย การมีความครัวที่มีความสุข จึงต้องอาศัยการเรียนรู้ความต้องการและธรรมชาติของอีกฝ่าย เพราะคนเราเมื่อเข้าใจกันแล้ว การยอมรับก็ตามมา ทำให้เราสามารถอ่านอารมณ์และเข้าใจการตัดสินใจของคู่เราได้ ซึ่งหลักในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์หรือ E.Q. เพื่อการสร้างครอบครัวให้มีความสุขนั้นมีอยู่ว่า – ให้ความเอาใจใส่และเข้าใจความวิตกกังวลของผู้อื่นในครอบครัว – รับรู้และตอบสนองต่อความต้องการของสมาชิกในครอบครัวได้ – เข้าใจศักยภาพของคนในครอบครัว และสนับสนุนให้ใช้ความรู้ความสามารถนั้นได้ถูกทาง – จริงใจต่อกัน เพราะนี่เป็นรากฐานของความผูกพันทางอารมณ์ที่จะทำให้อยู่ร่วมกันได้นานวัน สมองที่ฉลาดปราดเปรื่องหรือมีไอคิวสูงมาก ๆ นั้น กลับยิ่งสร้างปัญหาให้กับครอบครัวมากกว่า เพราะยิ่งฉลาดมากเท่าไร ยิ่งมีเหตุผลมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่ยอมกัน จะพยายามเอาชนะกันตลอด จะเห็นได้ว่าคนเก่ง ๆ ในสังคมจำนวนไม่น้อยไม่สามารถใช้ชีวิตคู่ได้อย่างมีความสุข การใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขนั้นไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะทุกคู่ก็มีปัญหาและอุปสรรคที่แตกต่างกันไป การรักษาความสุขของครอบครัวเอาไว้จึงเป็นเรื่องที่คนภายในครอบครัวต้องเรียนรู้กันเอง ด้วยหัวใจและความรัก จึงจะสามารถประคับประคองครอบครัวเอาไว้ได้
-
คนไทยควรหมั่นตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
คนไทยควรหมั่นตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในปัจจุบันนี้มีคนไทยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่กันมากขึ้น และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย เพราะมีความเสี่ยงหลายประการไม่ว่าจะเป็น การเป็นโรคลำไส้บางชนิด เช่น โรคเนื้องอกที่ผนังลำไส้ หรือลำไส้อักเสบเรื้อรัง การมีกรรมพันธุ์ หรือมีญาติสายตรงเป็นมะเร็งลำไส้ มักทานอาหารประเภทเนื้อแดง อาหารใส่ดินประสิว ปลาร้า ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก อาหารรมควัน ทอดปิ้ง ย่างจนเกรียม อาหารที่ปนเปื้อนสายเคมี อาหารมีเส้นใยน้อย อีกทั้งยังพบว่ายิ่งมีอายุมากเกินกว่า 50 ปีขึ้นไปก็ยิ่งมีความเสี่ยงขึ้น รวมไปถึงผู้ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่เป็นเวลานานอีกด้วย ซึ่งอาการของผู้ป่วยนั้นจะมีอาการถ่ายเป็นมูกเลือด ปวดทวารหนักเวลาถ่าย มีลำอุจจาระที่ลีบเล็กลง มักมีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย และหากก้อนมะเร็งโตจนอุดตันลำไส้แล้วจะปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน ไม่ถ่าย และไม่ผายลม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักนี้หากตรวจพบตั้งแต่เริ่มแรกจะรักษาหายมากกว่าร้อยละ 95 แต่ถ้าเข้าสู่ระยะอื่น ๆ หรือแพร่กระจายแล้วจะทำให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร มะเร็งลำไส้ใหญ่นี้จะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก การเข้าตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการตรวจอุจจาระและตรวจเลือดก็จะทำให้พบกับรอยโรคก่อนเป็นมะเร็ง หรือพบกับมะเร็งระยะแรกเริ่มได้ มีประโยชน์มากเพราะยิ่งตรวจพบเร็วเท่าไรก็ยิ่งรักษาให้หายได้เร็วเท่านั้น ผู้ที่มีความเสี่ยงดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยิ่งควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้สม่ำเสมอ เพื่อเป็นการระวังป้องกันไว้ก่อน และรักษาได้อย่างทันท่วงทีด้วยค่ะ
-
แก่นแท้แห่งธรรม แก่นแท้แห่งชีวิต
แก่นแท้แห่งธรรม แก่นแท้แห่งชีวิต ด้วยความเครียดและความวุ่นวายที่มีมากในประเทศแถบตะวัน ทำให้เกิดผู้ที่สนใจศึกษาพุทธศาสนามากขึ้น โดยเฉพาะในเล่ม How to get the Buddhahood นั้น ผู้เขียนได้เขียนเจาะจงให้ชาวตะวันตกที่ไม่คุ้นเคยพุทธศาสนาได้เข้าใจหลักธรรมและนำไปประยุกต์ใช้เพื่อขจัดความทุกข์และความเครียด โดยมีวิธีปฏิบัติที่เรียบง่ายเข้าใจง่ายห้าข้อดังต่อไปนี้ 1. หัดควบคุมความคิด ทำจิตใจให้สงบและตามรู้ลมหายใจเข้าออก แม้เพียง 3 ครั้งก็ได้ผล แล้วเฝ้าสังเกตความคิดจรและความรู้สึกที่เกิดขึ้น ขจัดความคิดด้านลบออกไปไม่ว่าจะเป็น ความสงสัย ความเกลียด ความหวาดระแวง ความกลัว ฯลฯ แล้วเสริมสร้างความคิดแง่บวกเข้าไปแทน เช่น ความรัก ความเมตตา โดยอาศัยองค์ประกอบของมรรคแปด 2. อยู่กับปัจจุบัน มีสติรู้ตัวอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เช่น มีสติทุกอิริยาบถ การอยู่กับโลกของความจริงเป็นจะเข้าใจในไตรลักษณ์ เข้าใจการเกิดดับ การพึ่งพาซึ่งกันและกัน เข้าใจว่าทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ 3. เข้าใจการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของสรรพสิ่ง จิตใจจะละจากความยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวาง ปล่อยการครอบครอง 4. เมื่อเข้าใจความเป็นไตรลักษณ์ ก็จะไม่เข้าครอบครอง เมื่อไม่ครอบครองก็ไม่มีจิตใจที่เห็นแก่ตัว นำไปสู่ความรักความเมตตาต่อผู้อื่น 5. การมีความรักความเมตตาต่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ใจไร้เงื่อนไข ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่หวังผลตอบแทน…
-
ในไส้กรอกมีสาร “โบท๊อกซ์” ด้วยนะ รู้หรือเปล่า?
ในไส้กรอกมีสาร “โบท๊อกซ์” ด้วยนะ รู้หรือเปล่า? จุดเริ่มต้นของไส้กรอกนั้นเริ่มมากจากการประหยัดและการถนอมอาหารนั่นเองค่ะ โดยจะเป็นการเก็บเอาเศษเนื้อ เครื่องใน เลือด ไขมัน และอวัยวะส่วนต่าง ๆ ที่ขายไม่ได้แต่ยังกินได้อยู่มาปรุงรสแล้วกรอกใส่ไว้ในไส้วัว ไส้ควาย ไส้หมู ฯลฯ มีการพัฒนาสูตรต่าง ๆ มากมาย ปรุงรสหลากหลายด้วยสมุนไพร เครื่องเทศหลายอย่างตามภูมิภาค แล้วยัดใส่ไส้หรือวัสดุสังเคราะห์อื่น ๆ และเก็บรักษาไว้ด้วยกรรมวิธีที่ไม่ทำให้เน่าเสีย ในสมัยสงครามนั้นมีคนที่เสียชีวิตจากอาการอาหารเป็นพิษเป็นจำนวนมาก และมักเกิดหลังจากทานไส้กรอก หลังจากการค้นคว้าหาสาเหตุจึงพบว่า ไส้กรอกนั่นเองที่เป็นตัวต้นสาเหต ทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตได้ด้วยโรคพิษจากไส้กรอก ที่มีชื่อทางการแพทย์ว่า โบทูลินัม มาจากภาษาละลิตว่า โบทูลัสที่แปลว่าไส้กรอก ซึ่งพิษที่เกิดจากไส้กรอกนี้จะทำให้เกิดอาการอ่อนแรงและเหงื่อไม่ออก แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นได้มีการนำเอาพิษปริมาณเล็กน้อยนี้ไปรักษาอาการผิดปกติของระบบประสาท รักษาอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง รักษาตาเหล่ ตาเข นำมาใช้กับกล้ามเนื้อบนใบหน้าทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว รอยเหี่ยวย่นจึงลดลง สามารถนำมาฉีดรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ให้กับผู้ที่มีเหงื่อออกมาก นั่นก็คือยาที่รู้จักกันดีในชื่อ โบท๊อกซ์ นั่นเอง ชื่อเต็ม ๆ ก็คือสารพิษโบทูลินัม โดยสารพิษตัวนี้ก็พบในอาหารไทยได้เช่นกัน ก็คือ หน่อไม้ปี๊บที่เคยเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้นั่นเอง แต่ไม่ใช่ว่าจะหาไส้กรอกหรือหน่อไม้ปี๊บมากินเพื่อจะได้หน้าไม่เหี่ยวย่น หรือลดเหงื่อตามส่วนต่าง ๆ…
-
สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ได้จากผัก
สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ได้จากผัก เรารู้กันอยู่แล้วว่าผักเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ให้แร่ธาตุและวิตามินต่างๆ มากมาย แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ชอบกินผักอยู่ดี วันนี้จะนำเอาคุณประโยชน์ที่ได้จากการกินผักมาบอกกล่าวเล่าสิบกัน เผื่อคนที่ไม่ชอบกินผักจะอยากหันมาลิ้มลองบ้างนะคะ ในผักให้เส้นใยอาหารจำนวนมาก ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลช้าลงจับคอเลสเตอร์ในทางเดินอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ยิ่งเป็นผักพื้นบ้านก็ยิ่งมีเส้นใยอาหารจำนวนมาก เช่น ใบมันปู สะเดา ลูกเหรียง ถั่วลันเตา ผักชีล้อม กะเฉด มะระขี้นก ผักหวาน มะเขือยาว คะน้า แครอท มะเขือเปราะ ยอดมะระหวาน ข้าวโพดอ่อน กะหล่ำปลี ตำลึง ส่วนวิตามินเอที่ช่วยในเรื่องการบำรุงรักษาดวงตารวมทั้งการมองเห็น และสร้างผนังเซลล์ในปอด ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของร่างกายและภูมิคุ้มกันนั้น พบมากในฟักทอง พริกหวาน แครอท ผักเหรียง กระเฉด ยอดมะม่วงหิมพานต์ ตำลึง ผักกาดขาว สะเดา ผักกูด ผักพูม ผักชีล้อม ใบมันปู ฯลฯ และวิตามินที่ช่วยในการสร้างเสริมคอลลาเจน ก็คือวิตามินซีนั่นเอง นอกจากนี้ยังช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก รักษาบาดแผล สังเคราะห์ฮอร์โมนและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ในร่างกายด้วย…
-
เสียงร้องไห้ของเด็กทารกหมายถึงอะไร?
เสียงร้องไห้ของเด็กทารกหมายถึงอะไร? การร้องไห้ของเด็กทารกนั้นบางครั้งก็เป็นดั่งเสียงสวรรค์สำหรับพ่อแม่ แต่บางครั้งเด็กร้องมาก ๆ ก็ทำให้เกิดความรำคาญ หงุดหงิดทั้งคนเลี้ยงและผู้อื่นได้ การร้องไห้ของเด็กนั้นเป็นวิธีการสื่อสารอย่างหนึ่ง มีความหมายดังต่อไปนี้ – ร้องเพราะหิว เด็กทารกจะหิวทุกสองชั่วโมง ถ้าตื่นแล้วไม่ได้กินอาจร้องไห้ได้ – ร้องเพราะแน่นท้อง หากให้เด็กกินนมแล้วนอนทันทีอาจทำให้อึดอัดแน่นท้อง ปวดท้องได้ ควรอุ้มให้เรอก่อนเอาเข้านอน – ร้องเพราะง่วงนอน แต่ก็นอนไม่ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย เช่น สว่างเกินไปหรือมีเสียงดังเกินไป – ร้องเพราะอากาศร้อนหรือหนาว ทารกจะมีความไวกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปของอากาศมากกว่าผู้ใหญ่ – ร้องเพราะผ้าอ้อมเปียก – ร้องเพราะป่วย จะร้องเสียงดังและโทนเสียงสูงเหมือนหวีดร้อง เพราะประกาศว่าตัวเองกำลังป่วย ขอให้พ่อแม่ช่วยที – ร้องเพราะเหงา เสียงจะร้องไห้แบบกระซิก ๆ ออดอ้อน เพื่อเรียกคุณมาเล่นด้วย มาอุ้มมากอดหรืมากล่อมนอน – ร้องเพราะอาการโคลิก ร้องคล้ายจะมีอากาณปวดท้อง ยิ่งร้องไห้ท้องก็ยิ่งแข็งเพราะลมเข้าท้องมาก มักร้องเวลาเย็นเวลาเดิม ร้องนานครั้งละ 3-4 ชั่วโมงและต่อเนื่องนาน 2-3 เดือน หลังจากนั้นก็จะหยุดไปเอง ไม่มีอันตรายแต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กทุกคน – ร้องเพราะอารมณ์ไม่ดี อาจเพราะพื้นนิสัยทารกเป็นเด็กใจร้อนขี้หงุดหงิด…