Author: pure

  • สร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัว

    สร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัว

    สร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัว เพราะครอบครัวมีความสำคัญต่อการเติบโตและความสุขของทุกคนในบ้าน ดังนั้นการดูแลครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ความสำเร็จนอกบ้านยังไม่สำคัญเท่ากับความรักความสุขของคนภายในบ้าน ดังนั้นเราจึงควรช่วยกันสร้างความรักความผูกพันให้เกิดขึ้นในครอบครัวตามแนวทางดังต่อไปนี้ 1. สำหรับคู่สามีภรรยา หากได้ตัดสินใจแต่งงานอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบและให้ความรัก ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปตลอด มีความสม่ำเสมอ ดูแลเอื้ออาทรกัน ใส่ใจกัน รู้จักให้อภัยกันและอยู่กับปัจจุบันโดยไม่ขุดคุ้ยความผิดพลาดในอดีต 2. ยึดหลัก ยกย่อง ยินยอม ยืดหยุ่น แยกแยะ และยืนหยัดในสิ่งที่ดีด้วยจิตใจที่งดงาม เป็นตัวของตัวเองในขณะที่ก็ยอมรับในสิ่งที่คู่ของเราเป็นด้วย 3. ให้เวลาแก่คนที่เรารัก ให้เวลากับคนในครอบครัว รู้จักแสดงออกถึงความรักที่มีต่อกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ครอบครัวและชีวิตคู่จะมีความสุขไปอีกนาน 4. แบ่งปันความสุขความทุกข์ร่วมกัน รับรู้ความทุกข์ของอีกฝ่ายด้วยความเข้าใจ จะสร้างความผูกพันในครอบครัวมากขึ้น 5. จัดการกับปัญหาและความไม่ลงรอยกันของสมาชิกในครอบครัว ให้ความรักเข้าจัดการมากกว่าใช้เหตุผลที่มีแต่ทำให้ทะเลาะกัน จะช่วยให้ปัญหาคลี่คลายได้ 6. สื่อสารกันด้วยความรัก ทั้งภาษากายและภาษาใจ ไม่ว่าจะเป็นการโอบกอด การจับมือ ให้ความรักความเอื้ออาทรต่อกัน จะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเข้มแข็งได้มากขึ้น

  • ข้าวโพดคั่ว อันตรายที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน!

    ข้าวโพดคั่ว อันตรายที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน!

    ข้าวโพดคั่ว อันตรายที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน! ข้าวโพดคั่วสำเร็จรูปที่มีกลิ่นเนยหอมกรุ่นนั้นอาจเป็นภัยร้ายที่เราต้องระวัง เพราะขณะนี้ผู้ผลิตข้าวโพดคั่วสำเร็จรูปรายใหญ่ของสหรัฐ 4 แห่งได้ประกาศเลิกใช้สารไดอะซิทิลแล้ว ซึ่งสารนี้เป็นสารแต่งกลิ่นและรสเนย หลังจากที่สารดังกล่าวทำให้คนงานในโรงงานต้องป่วยเป็นโรคปอด และจะเลิกใช้สารนี้กับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตทั้งหมดด้วย โดยปกตินั้นสารไดอะซิทิลนี้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในอาหารประเภท เนย ชีสและผลไม้ ซึ่งทำให้ อย.ของสหรัฐอเมริกาหรือ FDA อนุญาตให้ใช้เป็นสารแต่งกลิ่นและรสได้ ผู้ที่ได้รับสารนี้จากการสูดนมกลิ่นข้าวโพดคั่วที่เพิ่มอบเข้าใหม่ๆ จากไมโครเวฟ อาจทำให้เกิดปัญหาปอดอักเสบ และเกิดการหายติดขัดที่รุนแรง เมื่อเร็ว ๆนี้ก็ได้พบผู้ป่วยจากศูนย์การแพทย์ชาวยิวแห่งชาติเมืองเดนเวอร์ โคโลราโด ที่มีอาการโรคปอดเพราะสูดกลิ่นเนยของป็อบคอร์น ชายคนนี้กินป๊อปคอร์นวันละ 2 ถุง และชอบสูดหายใจเอากลิ่นเนยเข้าไปเต็มปอดทุกครั้งหลังจากแกะถุงข้าวโพดคั่วที่อบสุกใหม่ๆ เขาทำแบบนี้มาตลอด 10 ปี สำหรับคนที่ชอบทานข้าวโพดคั่วหอม ๆ นั้น ควรระวังไว้ก็จะดีนะคะ  

  • อันตรายในห้องน้ำที่ทำให้คุณป่วยซ้ำ ๆ ป่วยบ่อย ๆ

    อันตรายในห้องน้ำที่ทำให้คุณป่วยซ้ำ ๆ ป่วยบ่อย ๆ

    อันตรายในห้องน้ำที่ทำให้คุณป่วยซ้ำ ๆ ป่วยบ่อย ๆ ใครที่มีอาการเจ็บป่วยบ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ บางทีลองมาสังเกตห้องน้ำของคุณบ้างนะคะ ว่ามีเชื้อโรคร้ายแฝงอยู่บ้างหรือเปล่า ลองมาเช็คดูไปพร้อม ๆ กันนะคะ 1. ยาแนวในห้องน้ำทำให้เกิดโรคภูมิแพ้และระบบทางเดินหายใจ หากสูดดมในปริมาณมาก อาจทำให้ระคายเคืองผิวหนัง ดังนั้นหลังจากการก่อสร้างบ้านหรือต่อเติมซ่อมแซมห้องน้ำ ควรเปิดประตู หรือพัดลมระบายอาการเพื่อระบายความเข้มข้นของสารเคมีจากยาแนวเหล่านี้ออกไปให้มากที่สุด 2. ความชื้นในห้องน้ำทำให้คุณป่วยได้ ไม่ควรปล่อยให้ห้องน้ำชื้น ควรเปิดพัดลมดูดอากาศและใช้ม๊อบถูกพื้น เช็คห้องน้ำให้หมาดหรือแห้งได้ก็จะยิ่งดี ป้องกันการก่อตัวของเชื้อราด้วย 3. ติดตั้งพัดลมดูดอากาศผิดตำแหน่ง เช่นติดไว้บนเพดาน ทำให้ความชื้นไม่ถูกระบายออกไป ทางที่ดีควรติดพัดลมระบายอากาศที่สามารถระบายอากาศสู่ภายนอกได้จะดีที่สุด 4. ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง ยิ่งโดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียและคลอรีน เพราะสารทั้งสองชนิดทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ปอด และทำให้เกิดโรคหอบหืดได้ด้วย 5. ก๊อกน้ำไม่สะอาดหรือไม่ยอมทำความสะอาด แพร่เชื้อโรคได้มากที่สุดนะคะ เพราะก็อกน้ำเป็นส่วนที่ทุกคนในบ้านจับต้องมากที่สุดแต่มักได้รับการทำความสะอาดน้อยที่สุดด้วย 6. ม่านห้องน้ำแบบไวนิล มีสารที่ก่ออันตรายและสารก่อมะเร็งได้ ควรเปลี่ยนมาเป็นแบบโพลีเสเตอร์หรือไนลอนดีกว่า 7. น้ำยาทำความสะอาดสำเร็จรูปที่มีความสามารถในการกัดเซาะได้ดีนั้น จะทำความรุนแรงต่อผิวและกลิ่นฉุน ๆ ยังระคายเคืองทางเดินหายใจได้อีก ลองเปลี่ยนมาใช้เบกกิ้งโซดาซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ กับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ทำความสะอาดห้องน้ำดีกว่า นำสองอย่างนี้มาผสมกันแล้วป้ายไว้บนสิ่งสกปรกประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วขัดล้างตามปกติ จะปลอดภัยต่อสุขภาพของคุณมากกว่าค่ะ 8. ควรกรองคลอรีนออกจากน้ำด้วย…

  • เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไข้ป่า ไข้มาลาเรีย หรือไข้จับสั่น

    เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไข้ป่า ไข้มาลาเรีย หรือไข้จับสั่น

    เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไข้ป่า ไข้มาลาเรีย หรือไข้จับสั่น ไม่ว่าจะเป็นไข้ป่า ไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น ต่างก็เป็นชื่อของโรคเดียวกันนั่นแหล่ะค่ะ เกิดจากเชื้อโปรโตซัวพลาสโมเดียม มักระบาดอยู่ตามจังหวัดชายแดน โดยเฉพาะบริเวณเขาสูง ป่าทึบและมีแหล่งน้ำ ลำธารเพราะเป็นแหล่งแพร่พันธุ์ของยุงก้นปล่องซึ่งเป็นพาหะของโรคนี้ จังหวัดที่พบผู้ป่วยโรคมาลาเรียมาก ๆ นั้นส่วนใหญ่ได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน ระนอง ตราด กาญจนบุรี จันทบุรี สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรีและชุมพร โรคไข้มาลาเรียนั้นสามารถติดต่อได้จากการถูกยุงก้นปล่องตัวเมียที่มีเชื้อมาลาเรียกัด และหลังจากได้รับเชื้อแล้วประมาณ 1-2 อาทิตย์จะมีอาการคล้ายกับการเป็นหวัด คือ ปวดหัว มีไข้ ปวดเมื่อยตามลำตัว อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร สะบัดร้อนสะบัดหนาว บางช่วงจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น แล้วตามด้วยเหงื่อออก แล้วกลับไปหนาวสั่นอีก สลับไปมาอยู่อย่างนี้จึงถูกเรียกว่าไข้จับสั่น โรคนี้นั้นถ้าไปพบแพทย์จะต้องได้รับการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อมาลาเรียเท่านั้นจึงจะวิเคราะห์ได้ สำหรับการรักษา โรคไข้มาลาเรียเป็นโรคที่สามารักษาให้หายขาดได้ หากได้รับการวินิจฉัยที่รวดเร็วถูกต้อง และได้รับยารักษาที่ตรงกับชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ ไม่ควรซื้อยามาทานเอง หรือกินยาไม่ครบถ้วน เพราะอาจทำให้มีปัญหาเชื้อดื้ยา หรือทำให้โรครุนแรงขึ้นได้ และอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ด้วย แม้จะเป็นโรครักษาให้หายได้แต่ก็ไม่ควรประมาท ควรป้องกันตนเองเมื่อต้องเข้าไปในแหล่งระบาดของมาลาเรียด้วยการป้องกันตนเองไม่ให้ยุงกัด ดังต่อไปนี้ – สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด…

  • เมาไม่ขับ กลับถึงบ้านปลอดภัยทุกคน

    เมาไม่ขับ กลับถึงบ้านปลอดภัยทุกคน

    เมาไม่ขับ กลับถึงบ้านปลอดภัยทุกคน ขณะนี้นั้นประเทศไทยมีตัวเลขของผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับหกของโลกแล้วนะคะ ไม่ใช่แค่สูญเสียสุขภาพร่างกาย หรือเสียชีวิตเท่านั้น แต่ในด้านของทรัพย์สินและเศรษฐกิจแล้วมีมูลค่ามากมายมหาศาลอีกด้วย โดยเฉลี่ยแล้วอุบัติเหตุบนท้องถนนในเมืองไทยจะมีอัตราการตายสูงถึงชั่วโมงละสองคนเลยทีเดียว นับเป็นการสูญเปล่าไม่น้อย แม้ที่ผ่านมาประเทศไทยจะมีการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตบนท้องถนนอย่างต่อเนื่องก็ไม่ได้ทำให้สถิติอุบัติเหตุลดลงแต่อย่างใด ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อลดการบาดเจ็บล้มตายเช่นนั้น โดยเฉพาะผู้ที่ขับขี่เอง ก็ต้องตั้งสติ ก่อนสตาร์ท ขับขี่ไม่ประมาททุกครั้งด้วย และนอกจากนี้ยังควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อช่วยกันลดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วยค่ะ – งดเว้นการดื่มสุรา แม้ว่าการดื่มจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่เมื่อไรที่ดื่ม ก็ไม่ควรขับรถ ควรให้ผู้อื่นขับแทน หรือใช้บริการรถสาธารณะไป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากที่สุด สร้างความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่นได้อีกมากด้วยค่ะ – คนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะอ่อนล้าลงไปเรื่อย ๆ อาจหลับในได้โดยไม่รู้ตัว หากรู้สึกง่วงให้หาที่ปลอดภัยเพื่อจอดพักรถ เช่น ป้อมตำรวจ ด่านตรวจต่าง ๆ แล้วดับเครื่องบน เปิดกระจกรถไว้เล็กน้อยแล้วงีบสักครู่ค่อยขับต่อไปจะปลอดภัยกว่าค่ะ – ไม่ควรขับรถเร็วมากเกินไป ในเมืองควรขับอยู่ที่ไม่เกิน 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบนทางหลวง ควรขับอยู่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยเพราะยิ่งขับเร็ว อุบัติเหตุก็ยิ่งร้ายแรงมากขึ้นไปอีกค่ะ ไม่ได้เป็นเรื่องยากแต่ประการใดเลยที่เราจะช่วยกันหันมารณรงค์ช่วยการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เริ่มได้จากตัวเราเองก่อนที่เมื่อไร ที่ ง่วง เมา ดื่ม เราก็ไม่ขับขี่ยานพาหนะเท่านั้นเอง รวมทั้งควรตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เท่านี้ก็จะเป็นการช่วยกันลดอุบัติเหตุได้มากแล้วค่ะ…

  • ทานอาหารให้ปลอดภัยในช่วงหน้าร้อน

    ทานอาหารให้ปลอดภัยในช่วงหน้าร้อน

    ทานอาหารให้ปลอดภัยในช่วงหน้าร้อน หน้าร้อนเป็นช่วงเวลาที่อาหารบูดเสียได้ง่าย เพราะอากาศร้อนทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ เจริญเติบโตได้รวดเร็ว ดังนั้นในช่วงหน้าร้อนจึงเป็นช่วงเวลาที่มักจะพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษ ท้องร่วงท้องเสียได้บ่อยครั้ง เกิดขึ้นได้จากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาด มีสารพิษเชื้อโรคปะปน อาหารที่ปรุงไม่สุก อาหารค้างคืนที่ไม่อุ่น อาหารกระป๋องที่หมดอายุแล้ว รวมไปถึง การจัดเก็บอาหารที่ไม่เหมาะสมและสุขอนามัยที่ไม่ดีของคนปรุงอาหารด้วย ทำให้มีเชื้อโรคหรือสารพิษปนเปื้อนในอาหารได้ รวมไปถึงการทานอาหารรสจัดก็ทำให้ท้องเสีย ท้องเดินได้เช่นกัน อาหารเป็นพิษนั้นจะมีอาการเกิดขึ้นหลังจากทานอาหารไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมงถึง 1 วัน ขึ้นกับชนิดและขนาดของเชื้อที่ได้รับเข้าไป จะทำให้มีอาการท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเป็นน้ำหรือมีมูกปนได้ อาจมีไข้ อ่อนเพลีย หากรุนแรงเชื้ออาจติดเข้าไปในกระแสเลือด เลือดเป็นพิษ และพิษจากพืชบางชนิดอาจมีผลต่อระบบประสาททำให้ชัก หมดสติและตายได้ และหากมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบไปพบแพทย์.. ท้องเสียท้องเดินไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง มีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง อุจจาระมีมูกหรือเลือดปนกลิ่นเหม็นเหมือนกุ้งเน่า มีไข้สูง หนาวสั่น เพราะมีภาวะลำไส้อักเสบหรือติดเชื้อในกระแสเลือด หรือเด็กที่ท้องเสียอายุน้อยกว่า 3 ขวบ เป็นผู้สูงอายุ เป็นสตรีมีครรภ์ เพราะบุคคลเหล่านี้อาจเสียชีวิตได้ง่าย และจะทำให้เกิดความผิดปกติกับแม่หรือลูกในครรภ์ได้ด้วย การดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากอาการท้องเสียท้องเดิน และอาหารเป็นพิษ ก็คือการทานอาหารที่สดสะอาด ปลอดภัย ไม่ควรทานอาหารที่มีรสจัดหรือไม่สะอาด อาหารที่ไม่เคยทานมาก่อน…

  • วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด

    วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด

    วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด เพราะการคลอดก่อนกำหนดเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ทารกแรกเกิดพิการหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นเราจึงควรป้องกันไว้ก่อน โดยคุณแม่เองก็ต้องใส่ใจให้มาก ๆ เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วควรใส่ใจและดูแลตัวเองดังต่อไปนี้ค่ะ – รีบฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ไปพบหมอตามนัดทุกครั้งและทำตามตามคำแนะนำให้ครบถ้วน – กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกรดโฟเลตหรือโฟลิค ซึ่งก็คือวิตามินบีชนิดหนึ่ง พบได้มากในผักผลไม้สดทั้งผล หรือวิตามินรวม ธาตุเหล็ก แคลเซียม โปรตีน ให้มาก เพื่อพัฒนาการของเด็กในครรภ์ – หากมีโรคเรื้อรังอยู่ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ความตรวจเช็คดูแล ป้องกันโรคเหล่านี้ให้ดีด้วย – ปรึกษาคุณหมดด้วยว่าในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นี้ จะสามารถออกแรงทำงาน ออกกำลังกายหรือร่วมเพศได้อย่างไร – งดการสูบบุหรี่ เหล้า สารเสพติดทุกชนิด รวมทั้งไม่เข้าไปสูดดมควันบุหรี่ สารระเหยต่าง ๆ ด้วย – ทำจิตใจให้สบาย ปราศจากความเครียด – ใส่ใจกับสุขภาพปากและฟันด้วย – ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อย ๆ หรือจะใช้แอลกอฮอล์เจลเช็ดมือก็ได้ ทั้งก่อนกินอาหาร ก่อนดื่มน้ำ เข้าบ้าน เข้าที่ทำงาน…

  • เช็คตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับบ้างหรือเปล่า

    เช็คตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับบ้างหรือเปล่า

    เช็คตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับบ้างหรือเปล่า? มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่ไม่ค่อยตรวจพบในระยะแรกเท่าไร แต่ผู้ป่วยมักไปพบแพทย์ก็ตอนที่เป็นในระยะท้าย ๆ แล้ว อีกทั้งยังเป็นมะเร็งที่มีระยะฟักตัวนานอีกด้วย และมีปัจจัยหลายประการในการทำให้เป็นมะเร็งตับขึ้นมาได้ วันนี้มาลองตรวจสอบตัวเองกันดูว่าคุณเข้าข่ายว่าจะเป็นมะเร็งตับบ้างหรือเปล่านะคะ ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับได้แก่ – เพศชายจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศหญิง เพราะพฤติกรรมบางประการเช่น ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่มากกว่า – ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ ชาวเอเชีย ชาวอเมริกา ชาวเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มีโฮกาสเป็นมะเร็งตับสูงกว่า – ผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคตับแข็ง ก็สามารถเป็นโรคมะเร็งตับได้เช่นกัน เชื้อนี้สามารถติดต่อกันได้ทั้งทางเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มฉีดยา และการถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในครรภ์ รวมไปถึงการรับเลือดบริจาคด้วย – เป็นโรคตับแข็ง เพราะเซลล์ตับจะถูกทำลายและเหลือรอยแผลไว้ มักเกิดจากการดื่มแอกอฮอล์, เป็นไวรัสตับอักเสบบีและซี รวมไปถึงภาวะมีธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไป จะพัฒนาสู่การเป็นมะเร็งตับได้ – ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมาก โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากหรือมีภาวะตับอักเสบร่วมด้วย – ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ก็เสี่ยงเช่นกัน – มักได้รับสาร Aflatoxine เป็นเวลานาน ซึ่งสารนี้คือเชื้อราที่อยู่ในพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ ทั้งข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วลิสง เป็นต้น – เป็นผู้ที่ได้รับสาร Vinyl…

  • ฤดูร้อนควรทานอาหารที่ให้ฤทธิ์เย็น

    ฤดูร้อนควรทานอาหารที่ให้ฤทธิ์เย็น

    ฤดูร้อน…ควรทานอาหารที่ให้ฤทธิ์เย็น ในช่วงฤดูร้อนนั้น นอกจากการทำร่างกายให้มีอุณหภูมิกำลังสบาย นั่งนอนเปิดพัดลม เปิดแอร์อยู่บ้าน ไปท่องเที่ยวน้ำตกหรือธรรมชาติที่เย็นสบาย จิบน้ำดื่มเย็น ๆ คลายร้อนแล้ว อาหารที่ควรรับประทานก็ควรเลือกชนิดที่ช่วยให้ร่างกายเย็นขึ้นได้ด้วยนะคะ ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกายของเรา ไม่ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ จากฤทธิ์ร้อนได้ โดยลักษณะของอาหารที่มีฤทธิ์เย็น จะมีรสชาติที่จืด หวานจากธรรมชาติแต่ไม่มาก ให้เส้นใยสูงแต่ให้พลังงานต่ำ รสไม่จัด แบ่งตามลักษณะของพืชก็จะเป็นพืชที่ขึ้นสูงอยู่ใกล้แสงแดด เช่น มะพร้าวอ่อน หรือยอดผักต่าง ๆ ก็จะเย็นที่สุด มักมีลักษณะเนื้อยุ่ย หลวม เรียว บาง ชุ่ม สด อ่อน มักมีสีสัน โทนขาวหรือเขียว เหลืองกลาง ๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของอาหาร แต่เมื่อทานเข้าไปแล้วจะรู้สึกสบายคอ ชุ่มคอ ไม่ระคายเคือง และต่อไปนี้คือตัวอย่างของอาหารในกลุ่มที่ให้ฤทธิ์เย็น กลุ่มข้าวแป้งน้ำตาล ได้แก่ เส้นหมี่ ก๋วยเตี๋ยวที่ไม่มีน้ำมัน วุ้นเส้น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง น้ำตาลธรรมชาติ กลุ่มโปรตีน ได้แก่ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วขาว ฯลฯ…

  • ลมแดด ทำคุณเสียชีวิตได้นะ

    ลมแดด ทำคุณเสียชีวิตได้นะ

    ลมแดด ทำคุณเสียชีวิตได้นะ ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี โรคที่น่าเป็นห่วงโรคหนึ่งเลยก็คือ โรคลมแดด หรือฮีทสโตรคนี่ล่ะค่ะ เพราะร่างกายของเราไม่สามารถปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับการอยู่ในที่มีอุณหภูมิร้อนจัดได้ มักเกิดกับผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรง เด็ก ผู้สูงอายุ และคนที่พักผ่อนมาไม่เพียงพอ รวมไปถึงผ็ที่ออกกำลังกายกลางอากาศร้อนจัดหรือกลางแดดจัดด้วย ข้อสังเกตว่าตนเองกำลังจะเป็นลมแดดนั้นให้สังเกตดูว่า จะเริ่มไม่มีเหงื่อออก หิวน้ำมาก ตัวร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มวิเวียน คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ มึนงง หายใจเร็ว รู้สึกกำลังจะหน้ามืด จนถึงเป็นลมหมดสติ สาเหตุเป็นเพราะว่าเมื่ออุณหภูมิร่างกายกำลังเพิ่มสูงขึ้นไปถึง 40 องศา เส้นเลือดส่วนปลายจะขยาย ความดันโลหิตจะต่ำลงนั่นเอง การปฐมพยาบาลก็คือให้รีบพาผู้ป่วยเข้าสู่ที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทสะดวกแล้วระบายอากาศร้อนด้วยการ ปลดเสื้อผ้าชิ้นหนาออกจากร่างกาย แล้วเช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำอุณหภูมิปกติร่วมกับการใช้ลมพัดเย็น ๆ ให้ทั่วตัวผู้ป่วยแล้วจึงรีบพาส่งโรงพยาบาล สำหรับการป้องกันโรคลมแดดในช่วงที่มีแดดจัด ๆ ในฤดูร้อนนี้ก็คือ ให้ดื่มน้ำบ่อย ๆ ค่อย ๆ จิบไปตลอดทั้งวัน อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ อย่าปล่อยตัวเองกระหายน้ำ หรือมีปากแห้ง ผิวแห้ง พยายามดื่มน้ำให้ได้ 2 ลิตร หรือ 8-10 แก้วต่อวัน หลีกเลี่ยงการออกไปเผชิญแสงแดดร้อนแรง หากจำเป็นต้องทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งควรดื่มน้ำให้มาก…