Author: pure

  • ยิ่งสูบบุหรี่ยิ่งเพื่อความเสี่ยงติดเชื้อวัณโรคได้มากเท่านั้น

    ยิ่งสูบบุหรี่ยิ่งเพื่อความเสี่ยงติดเชื้อวัณโรคได้มากเท่านั้น

    ยิ่งสูบบุหรี่ยิ่งเพื่อความเสี่ยงติดเชื้อวัณโรคได้มากเท่านั้น การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแทบทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ ปอด กล่องเสียง ทำให้เกิดมะเร็งได้แทบทุกส่วนดังกล่าว เรื่องไปจนถึงมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะและมะเร็งในระบบอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้ก็ยังเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อวัณโรคได้อีกด้วย เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เม็ดเลือดขาวตายเพิ่มขึ้น ร่างกายจึงมีภูมิต้านทานลดลง อีกทั้งสารพิษจากควันบุหรี่จะทำลายเนื้อปอด การขจัดเชื้อโรคของเยื่อบุหลอดลมและปอดอ่อนแอ หากผู้สูบบุหรี่ได้รับเชื้อวัณโรคที่อาจปลิวปะปนในอากาศก็อาจติดเชื้อจนกลายเป็นวัณโรคได้ แม้จะเป็นผู้ที่เคยสูบบุหรี่และเลิกสูบแล้วก็ตาม ก็ยังพบว่าติดเชื้อวัณโรคได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่เคยสูบเลยอยู่ดี ยิ่งเคยสูบมานานเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากเท่านั้น พบว่าผู้ที่เสียชีวิตจากวัณโรคเป็นผู้ที่เคยสูบบุหรี่ แม้แต่เด็กเล็กที่อยู่ในบ้านที่มีผู้สูบบุหรี่ก็อัตราความเสี่ยงที่จะติดเชื้อวัณโรคมากกว่าเด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมทั่วไปด้วย ในส่วนของผู้ป่วยวัณโรคนั้น หากหยุดสูบบุหรี่ ก็จะช่วยให้ร่างกายตอบสนองการรักษาทางการแพทย์ได้ดีขึ้น โรคจะหายเร็วขึ้น อาการไอจะลดลงอย่างรวดเร็ว อัตราการแพร่เชื้อสู่คนใกล้ชิดก็จะพลอยลดลง เนื้อปอดที่ถูกทำลายจากเชื้อวัณโรคจะลดน้อยลง โรคจึงหายเร็วและเป็นปกติได้ในเร็ววัน ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้เป็นวัณโรคแต่อยากเลิกบุหรี่นั้น ก็ขอให้ทำใจให้เข้มแข็ง แล้วเลิกให้หมดก่อนที่ร่างกายจะเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในมาตรฐาน ทานผักผลไม้ให้มากกว่าเนื้อสัตว์และของมัน ๆ งดเหล้า หรือเข้าร่วมวงที่มีคนสูบบุหรี่ด้วย แล้วปอดท่านจะแข็งแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ

  • แม้จะเป็นการสูบบุหรี่อย่างฉลาดแต่ก็ทำลายสุขภาพอยู่ดี

    แม้จะเป็นการสูบบุหรี่อย่างฉลาดแต่ก็ทำลายสุขภาพอยู่ดี

    แม้จะเป็นการสูบบุหรี่อย่างฉลาดแต่ก็ทำลายสุขภาพอยู่ดี ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องของการสูบบุหรี่ เราควรมาทำความเข้าใจกันถึง เรื่องของระบบการหายใจของเราก่อนดีกว่า ทางเดินหายใจส่วนบนนั้นประกอบไปด้วยส่วนของ จมูก โพรงอากาศข้างจมูกและคอหอย ส่วนทางเดินหายใจส่วนล่างนั้นประกอบไปด้วย กลอ่งเสียง หลอดลมใหญ่ในคอ หลอดลมที่มีขนาดลดหลั่นกันลงมา และถุงลม เวลาที่เราหายใจเข้าไปตามปกติจะมีอาการเข้าประมาณประมาณร้อยละ 70 สู่ถุงลมเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซ ส่วนอีกร้อยละ 30 ที่เหลือจะอยู่ในหลอดลม ทั้งควันและฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่หายใจเข้าไปจะอยู่ในบริเวณหลอดลม ซึ่งจะขับสิ่งที่คั่งค้างออกโดยมีเมือกและขนเล็ก ๆ ดักจับเอาไว้ หากมีมากก็จะไอออกมาเป็นเสมหะ ซึ่งควันและฝุ่นละอองบางอย่างอาจตกค้างอยู่ในหลอดลมฝอยทำให้เกิดการอักเสบอ่อนเรื้อรัง ต่อมมูกก็จะโตขึ้นและหลั่งมูกมากขึ้น ทำให้หายใจไม่สะดวก เรียกว่าภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจเรื้อรัง ทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซมีปัญหา จนเกิดภาวการณ์หายใจล้มเหลวได้ คนที่สูบบุหรี่ทั้งหมดจะหายใจออกจนสุดแล้วจึงเริ่มสูดควันที่มีอากาศปนอยู่เข้าไปในหลอดลมอย่างทั่วถึง ยิ่งสูดลึกก็ยิ่งอันตรายได้มาก ยิ่งกลั้นไว้แล้วค่อย ๆ ระบายออกช้า ๆ ควันบุหรี่จะจับผนังหลอดลมนานขึ้นด้วย ซึ่งเทคนิคการสูบบุหรี่อย่างฉลาดก็คือการหายใจเข้าตามปกติแล้วค่อยสูบบุหรี่ วิธีนี้จะทำให้อากาศดีเข้าไปบรรจุอยู่ในปอดและหลอดลมฝอยจนเต็มเหลือที่ไว้ในหลอดลมใหญ่ เมื่อสูดควันเข้าไปจะกระจายไม่ทั่วปอด และจะหายใจออกมาตามปกติทันที จึงทำให้ที่ควันจะอยู่ในหลอดลมสั้นลม นอกจากนี้แล้วยังควรปฏิบัติตามนี้ด้วยได้แก่ – ไม่ควรสูบบุหรี่ในที่อับ เช่น ห้องน้ำ ห้องน้ำ หรือที่มีอาการถ่ายเทก็ตาม ควรสูบในที่โล่งแจ้งเท่านั้น – อย่าสุบบุหรี่เพราะแก้เบื่อ หรือเหงาปากหรือเคยชิน ควรหัดยืดเวลาออกไปเล็กน้อยเรื่อย…

  • ฝึกสติ ควบคุมใจช่วยในการลดน้ำหนักอย่างได้ผล

    ฝึกสติ ควบคุมใจช่วยในการลดน้ำหนักอย่างได้ผล

    ฝึกสติ ควบคุมใจช่วยในการลดน้ำหนักอย่างได้ผล ผู้ที่ลดน้ำหนักได้สำเร็จนั้น พบว่าคนส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีพลังใจสูง มีความตั้งใจ มีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงมีความยับยั้งชั่งใจในการกินอาหาร และสามารถปรับตัวได้ดีและมีความสุขในระหว่างการควบคุมอาหาร การฝึกสติ ควบคุมจิตใจจึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการลดน้ำหนักของเรา การที่คนเราอ้วนขึ้นนั้นก็มักเป็นเพราะยึดติดกับความสุขจากการได้กินอาหาร ได้มีความเพลิดเพลินในการกินอาหารเกินความจำเป็น จึงกลายเป็นโรคอ้วนในเวลาต่อมา ดังนั้นหากต้องการลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืนต้องเปลี่ยนที่ระดับของจิตส่วนลึก ฝึกควบคุม และมีสติก่อนการกิน และระหว่างการกิน เพื่อให้ได้มีน้ำหนักตามต้องการ รูปร่างสมส่วนและสุขภาพแข็งแรง โดยหลักการฝึกสติ ควบคุมจิตใจนั้นสามารถทำได้ดังต่อไปนี้ 1. ยึดทางสายกลาง ทานแต่พอประมาณ มีเหตุผลในการเลอกทานอาหารแต่ละประเภท ไม่ใช่เลือกเพราะความอร่อยปากอย่างเดียว 2. เปลี่ยนความรู้สึกเบื่อและการแสวงหาความสุขด้วยการกินเป็นการทำสิ่งอื่น เช่น การฟังเพลง การออกกำลังกาย วาดภาพ ท่องเที่ยว จัดสวน อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ฯลฯ 3. พึงระลึกไว้ว่าแต่ละปี ต้องมีคนบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากความอ้วนมากมายขนาดไหน อีกทั้งความอ้วนยังเป็นตัวก่อโรคร้ายมากมาย เสียเงินเสียเวลาในการใช้ชีวิตไปหมด 4. ไม่ควรไปป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านอาหารที่ชอบ หน้าร้านของฝากแสนอร่อย ควรอยู่ห่าง ๆ หรือให้คนอื่นตักกับข้าวให้แทน หรือตักแบ่งให้คนอื่นเป็นต้น 5. การฝึกสติให้ใช้การฝึกหายใจลึก ๆ ยาว ๆ…

  • มาตรการ 7 ป. เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก

    มาตรการ 7 ป. เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก

    มาตรการ 7 ป. เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็สามารถเป็นโรคไข้เลือดออกได้ทั้งนั้น ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีฝน ตกๆ หยุด ๆ อย่างต่อเนื่องนี่ ทำให้เกิดน้ำขังทั่วไปทั้งบริเวณบ้านและตามที่สาธารณะต่าง ๆ ยุงลายซึ่งเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออกจึงแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว หากบริเวณบ้านหรือในชุมชนเราป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้ว ก็ยากจะบอกได้ว่าใครจะเป็นรายต่อไป อาจเป็นญาติพี่น้องหรือตัวเองด้วยก็ได้ หากในระยะที่ฝนตกชุกนี้เราเกิดเป็นไข้ขึ้นมา หากต้องการใช้ยาลดไข้ก็ควรใช้แต่พาตาเซตามอลเท่านั้น หากเป็นยาแอสไพรินอาจทำให้เลือดออกในร่างกายมากขึ้นจนเกิดอาการช็อกได้ แต่ยาพาราเซตตามอลก็ควรใช้แต่พอดี หากไข้ยังไม่ลดก็ควรใช้การเช็ดตัวเข้ามาช่วยหากยังไม่ถึงเวลาทานยา ควรดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำหวาน น้ำเกลือแร่ให้มากเพื่อให้ร่างกายสดชื่นขึ้น ให้ผ็ป่วยได้นอนพักผ่อนมาก ๆ แต่หากมีอาการไข้เกินสองวัน กินอาหารหรือดื่มน้ำได้น้อย อ่อนเพลีย ซึม อาเจียน ปวดท้อง ตัวเย็นผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาไข้เลือดออกค่ะ และการป้องกันยุงลายนั้นควรได้รับความร่วมมือจากหลาย ๆ ส่วนในชุมชนไปพร้อม ๆ กันจึงจะสามารถป้องกันการระบาดของโรคนี้ได้อย่างดี ซึ่งก็คือมาตรการ 7 ป. ดังต่อไปนี้ 1. ปิดฝาภาชนะทุกชนิดที่เก็บกักน้ำได้ ป้องกันการวางไข่ของยุงลาย 2. ปล่อยปลากินลูกน้ำเช่น ปลาหางนกยูง เพื่อตัดวงจรยุงลาย 3. ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในบ้านและนอกบ้าน ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้ 4. ปรับสภาพน้ำด้วยการใช้ทราย น้ำส้มสายชู…

  • อาการของผู้ที่แพ้อาหาร

    อาการของผู้ที่แพ้อาหาร

    อาการของผู้ที่แพ้อาหาร ผู้ที่เผลอไปทานอาหารที่ตัวเองแพ้เข้า หรือไปสัมผัสอาหารชนิดนั้น ๆ อาจเกิดอาการแพ้ขึ้นในทันทีหรือราวไม่เกิน 2 ชั่วโมงหลังจากการทานอาหาร แม้จะแตะต้องเพียงแค่นิดเดียวก็ตาม ซึ่งจะแสดงอาการออกมาดังต่อไปนี้ มีผื่นลมพิษ คันและบวมบริเวณผิวหนัง เกิดอาการบวมบริเวณปาก ลิ้น คอ ใบหน้าและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย รู้สึกคัดจมูก หายใจหวีดเสียงดังเหมือนคนหอบหืด หายใจลำบาก ท้องร่วง ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนเวียนหัว หน้ามืดเป็นลม แต่ในส่วนที่มีอาการรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตนั้นจะแสดงอาการได้แก่ หลอดลมหดเกร็งลม เพราะคอและหลอมลมบวม ทำให้หายใจลำบาก ความดันโลหิตต่ำลงจนถึงระดับที่ทำให้ช็อกได้ ชีพจรเต้นเร็ว หน้ามืดเป็นลมได้ แต่ถ้าจะแยกอาการที่เกิดขึ้นตามอวัยวะก็สามารถแยกได้ดังนี้ – บริเวณผิวหนัง อาจจะแสดงออกด้วยอาการคัน แดง เป็นลมพิษ ตัวร้อน มีอาการบวมที่หนังตาและปาก – บริเวณทางเดินอาหาร จะคันปาก ปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน – ทางเดินหายใจ จะคัดจมูก น้ำมูกไกล ไอ เสียงแหบ คันในคอ กลืนลำบาก หายใจเสียงดัง หายใจลำบาก…

  • เป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องลดอาหารเค็มนะ

    เป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องลดอาหารเค็มนะ

    เป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องลดอาหารเค็มนะ โรคความดันโลหิตสูงคือ โรคที่ผู้ป่วยมีค่าความดันโลหิตเกินกว่า 140/90 ขึ้นไป เป็นฆาตกรเงียบ ผุ้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีอาการ อาจมีอาการเตือนบ้างเช่น ปวดมึนท้ายทอย วิงเวียน ปวดหัวตุบ ๆ ยิ่งปล่อยให้เป็นนานเท่าไรก็ยิ่งเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดทั่วร่างกายเท่านั้น ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน ไตวาย ฯลฯ ซึ่งมีความอันตรายมาก ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงความดูแลตนเอง ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานผัก ผลไม้สดไม่หวานและลดอาหารที่มีรสหวานมันเค็ม อีกทั้งยังควรผ่อนคลายความเครียดด้วย อีกสองอย่างที่ควรเลิกอย่างเด็ดขาดเลยก็คือเหล้าและบุหรี่ สาเหตุที่คนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงควรลดอาหารเค็ม ก็เพราะในเกลือนี้จะมี โซเดียม อยู่มากโซเดียมจะดูดน้ำได้ดี นอกจากพบมากในเกลือแล้ว ยังพบได้อีกใน ผงชูรส สารกันเสีย ผงฟูที่ใส่ในอาหารพวกเบเกอรี่ ขนมปังต่าง ๆ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเวลาทานอาหารเหล่านี้แล้วเรามักหิวน้ำมากนั่นเอง การงดอการเค็มก็เพื่อป้องกันมิให้น้ำคั่งในร่างกายมากขึ้น น้ำเลือดเพิ่มขึ้นแต่หลอดเลือดมีขนาดเท่าเดิม บางคนยังแข็ง ตีบ เปราะอีก อาจทำให้เกิดแรงดันในหลอดเลือดสูงขึ้น จนเส้นเลือดแตกหรือฉีกขาดได้ นอกจากนี้การกินเค็มมากยังทำให้เกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารได้อีก ซึ่งการลดโซเดียมในอาหารนี้ก็มีเคล็ดลับง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ – ไม่เติมเครื่องปรุงเพิ่มไม่ว่าจะเป็น ผงชูรส น้ำปลา เกลือ…

  • สวดมนต์ช่วยเยียวยารักษาโรคได้

    สวดมนต์ช่วยเยียวยารักษาโรคได้

    สวดมนต์ช่วยเยียวยารักษาโรคได้ การสวดมนต์นั้นเป็นเครื่องช่วยนำสู่สมาธิได้ ทำให้ผู้สวดจดจ่ออยู่กับบทสวด ใจไม่ฟุ้งไปที่อื่นจึงเกิดสมาธิได้ง่ายมาก เมื่อร่างกายเข้าสู่สมาธิจะหลั่งสารที่กระตุ้นระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้จิตใจและร่างกายมีความผ่อนคลาย สร้างภูมิต้านทานได้ดีขึ้น เมื่อเจ็บป่วยก็จะดีขึ้นตามลำดับ ช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วยและเยียวยารักษาโรคได้มากมายไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน ซึมเศร้า มะเร็ง ไมเกรน ออทิสติก โรคอ้วน นอนไม่หลับ พาร์กินสัน ฯลฯ ซึ่งสามารถทำได้หลายแบบได้แก่ 1. สวดมนต์ด้วยตนเอง อาจตื่นมาสวดตอนเช้าหรือก่อนเข้านอน แต่ไม่ควรสวดหลังกินอาหารทันที อาจสวดบทสั้น ๆ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีก็จะทำให้ร่างกายหลั่งสารซีโรโทนินออกมา หากสวดบทยาวจะช่วยให้ผ่อนคลายและเกิดความศรัทธา ขณะสวดมนต์ให้หลับตาสวดให้เกิดเสียงดังให้ตัวเองได้ยิน 2. การสวดให้ผู้อื่นฟัง อาจเป็นการฟังพระสวด หรือเปิดเทปฟัง ยิ่งหากผู้สวดมีสมาธิ เสียงจะนุ่มและทุม ทำให้เกิดคลื่นที่ช่วยเยียวยาผู้ฟังได้ แต่หากผู้สวดไม่มีสมาธิหรือไม่มีความเมตตาจะไม่ช่วยเยียวยาอาการป่วยเลย 3. การสวดมนต์ให้แก่ผู้อื่น เป็นการส่งความปรารถนาดีไปสู่ผู้ป่วยจากคลื่นที่เป็นบวก เมื่อเราคิดจะส่งสัญญาณนี้ออกไปสู่ที่ไกล ๆในรูปของคลื่นไฟฟ้า ช่วยเยียวยารักษาผู้อื่นได้ บทสวดมนต์นั้นมีอยู่มากมาย สามารถเลือกบทที่ชอบสวดได้ตามต้องการ เลือกบทที่สวดแล้วสบายใจอย่างอิติปิโสก็ได้ แล้วสวดเท่าอายุ หรือหากต้องการให้ตัวเองหรือผู้อื่นหายเจ็บป่วย นิยมสวดโพชฌงค์เจ็ด ซึ่งมีความแตกต่างจากบทอื่น…

  • โรคเลือดจางกรรมพันธุ์หรือโรคธาลัสซีเมีย

    โรคเลือดจางกรรมพันธุ์หรือโรคธาลัสซีเมีย

    โรคเลือดจางกรรมพันธุ์หรือโรคธาลัสซีเมีย โรคธาลัสซีเมียหรือเลือดจางทางกรรมพันธุ์ จะทำให้ผู้ป่วย มีลักษณะที่มองดูภายนอกคล้ายกันไปหมด ก็คือ มีหน้าผากโหนก ดั้งจมูกแบน ฟันบนเหยิน หัวโต ตาเหลืองและตัวแคระแกร็น เด็กที่เกิดขึ้นใหม่อาจเป็นได้โดยพ่อกับแม่ไม่ต้องรู้ล่วงหน้ามาก่อนเลยว่าตนเองมีกรรมพันธุ์ชนิดนี้อยู่ ในประเทศไทยเองก็มีอัตราผู้ป่วยเป็นโรคนี้สูง โดยเฉลี่ยมีเด็กเกิดใหม่เป็นโรคนี้เกิดมาราวชั่วโมงละ 2 คนเลยทีเดียว โรคธาลัสซีเมียนี้เป็นความผิดปกของยีนที่ควบคุมการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นกว่าปกติ แบ่งออกได้เป็นสองแบบก็คือ – แบบที่เป็นโรค ผู้ป่วยจะซีดเรื้อรังเนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกม้ายจับทำลายและเม็ดเลือดแดงมีอายุสั้น มีอาการที่มากหรือน้อยแตกต่างกันขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากพ่อแม่ หากรุนแรงอาจตายได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือหลังคลอดไม่เกิน 1 วัน ขณะที่แม่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น ครรภ์เป็นพิษได้ โรคธาลัสซีเมียแบบรุนแรงจะสังเกตอาการได้ชัดเจนตั้งแต่อายุ 3-6 เดือน เด็กจะเลี้ยงยาก งอแง ป่วยบ่อย อ่อนเพลีย ท้องป่องเนื่องจากม้ามโต และซีดมากต้องได้รับเลือด ในส่วนของเด็กที่ป่วยในระยะปานกลางและรุนแรงไม่มาก จะมีอาการซีดมากเมื่อมีไข้ ซึ่งผู้ป่วยชนิดนี้จะมีประมาณร้อยละ 1 หรือราวหกแสนกว่าคนในประเทศไทย รักษาไม่หาย นอกจากการปลูกถ่ายไขกระดูกซึ่งยุ่งยากซับซ้อนและมีข้อกำจัดกมากมาย การรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ให้เลือด ให้ยาขับเหล็กหรือผ่าตัดม้าม เป็นต้น – แบบที่เป็นพาหะแฝง หรือคนที่มีกรรมพันธุ์โรคนี้ในตัวแต่สภาพร่างกายปกติดี แข็งแรงดี แต่จะถ่ายทอดกรรมพันธุ์นี้ไปสู่ลูกได้ ซึ่งคนไทยเป็นพาหะธาลัสซีเมียมากเป็นอันดับหนึ่งในโลก…

  • แดนซ์กังนัมสไตล์ บริหารร่างกายได้ยอดเยี่ยม

    แดนซ์กังนัมสไตล์ บริหารร่างกายได้ยอดเยี่ยม

    แดนซ์กังนัมสไตล์ บริหารร่างกายได้ยอดเยี่ยม การออกกำลังกายสำหรับบางคนก็เป็นเรื่องที่ไม่ชอบเอาเสียเลย แต่ตรงกันข้ามสำหรับบางคนการออกกำลังกายเป็นสิ่งเสพติดที่ถ้าไม่ได้ทำวันไหนแล้วรู้สึกขาดอะไร ๆ ไป การออกกำลังกายเป็นการสร้างเสริมสุขภาวะวิธีหนึ่ง ยิ่งทำก็ยิ่งแข็งแรงและห่างไกลโรค โดยรูปแบบการออกกำลังนั้น ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับร่างกายของตนเอง มีความสุขและทำได้ง่ายไม่ลำบาก ซึ่งตอนนี้การออกกำลังกายด้วยการเต้นกังนัมสไตล์ก็เป็นอีกรูปแบบที่น่าสนใจเช่นกัน ทำไมการเต้นจึงมีประโยชน์? มีผลการศึกษาการเต้นโดยวิทยาลัยการแพทย์ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ สหรัฐอเมริกา ศึกษาเกี่ยวกับการเต้นที่ไม่เป็นเพียงแค่การออกกำลังกาย แต่ยังช่วยบำบัดสมองส่วนการรับรู้ การตัดสินใจ ช่วยบำบัดรักษาผู้ป่วยซึมเศร้า และผู้ป่วยความจำเสื่อมได้ อีกทั้งการได้ลองทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย อย่างการเต้นรำเป็นหมู่คณะยังช่วยให้จิตใจมีความสดใส มีชีวิตชีวามากขึ้น ช่วยให้ประสาทตื่นตัว พัฒนาทักษะการเข้าสังคม กระตุ้นสมองส่วนควบคุมการตัดสินใจ กระตุ้นการคิดวิเคราะห์และความฉลาดให้มากขึ้นได้ด้วย อีกทั้งเมื่อออกกำลังกายจนชีพจรเต้นเร็วถึง 120 ครั้งต่อนาที โกรธฮอร์โมนจะหลั่งและเหงื่อออกจะเกิดการเผาผลาญพลังงาน สุขภาพแข็งแรง ขับของเสียต่าง ๆ ออกมาจากร่างากย ล่าสุดนี้การเต้นกังนัมสไตล์กำลังโด่งดังไปทั่วโลก เพราะท่วงท่าต่าง ๆ นั้นเหมาะสำหรับการเต้นประกอบเพลงเพื่อออกกำลังกาย ช่วยอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายหนัก เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ใช้เต้นเพื่อลดน้ำหนักได้ สนุกและได้พละกำลังเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งท่าที่โด่งดังจากเพลงนี้มากก็ได้แก่ท่าขี่ม้าและท่าโยนห่วงคล้องม้า ช่วยกระชับต้นขา ยกสะโพก ลดหน้าท้อง ลดไขมันตามส่วนต่าง ๆ ได้ ว่าแล้วเย็นนี้ชวนเพื่อร่วมงาน ชวนพี่น้องลูกหลานมาเปิดเพลงนี้แล้วเต้นออกกำลังกายกันดีกว่า ถ้าเต้นไม่เป็นก็ให้เด็ก…

  • กีฬาที่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคหอบหืด

    กีฬาที่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคหอบหืด

    กีฬาที่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคหอบหืด ผู้ป่วยด้วยโรคหอบหืด หากเป็นเรื้อรังแล้วคงกังวลกับการออกกำลังกายอยู่เหมือนกัน เพราะบางรายหลังจากออกกำลังกายไปได้เพียงไม่กี่นาทีก็มีอาการแน่นหน้าอกจนต้องหยุดพัก หรืออาการหนักจนต้องหามส่งโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว จึงทำให้ผู้ป่วยโรคนี้ไม่กล้าลงเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเลย สาเหตุที่ทำให้อาการหอบหืดกำเริบขึ้นมาขณะออกกำลังกายนั้นก็เป็นเพราะว่า เกิดอาการหลอดลมเกร็ง จากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นในอากาศอย่างกระทันหัน เมื่อสูดเข้าไปสู่ปอดอย่างรวดเร็วและลึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีอาการเย็นและแห้ง โดยปกติเมื่อสูดอากาศเข้าทางจมูก โพรงจมูกจะช่วยเพิ่มความชื้นและปรับอุณหภูมิให้อุ่นก่อนเข้าสู่ปอด แต่หากเป็นเวลาออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องการอากาศมากขึ้นเราจึงหายใจทางปาก ทำให้ปอดได้รับอากาศที่เย็นและแห้งกว่าปกติ อาการหอบหืดจึงกำเริบขึ้นมาได้ อาการหอบหืดกำเริบนี้มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่ออกกำลังกายแบบเคลื่อนไหวติดต่อกันนาน ๆ เช่น วิ่ง ฟุตบอล เทนนิส บาสเกตบอล กีฬาที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดมาที่สุดเห็นจะเป็น การว่ายน้ำ เพราะบริเวณสระว่ายน้ำมีอุณหภูมิและความชื้นที่ค่อนข้างคงที่ การหายใจขณะว่ายน้ำมีจังหวะที่ต้องกลั้นหายใจจึงช่วยให้สูญเสียความร้อนและความชื้นน้อยลง ลักษณะการออกกำลังกายก็เป็นแนวราบ ทำให้กล้ามเนื้อปอดได้เคลื่อนไหวจากส่วนท้ายขึ้นมาส่วนบน ไล่อากาศหรือสิ่งกีดขวางการหายใจออกได้ง่ายกว่าท่ายืน อีกทั้งการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนบนยังเป็นการพัฒนาการหายใจได้ด้วย แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดก็คือ ควรวอร์มอัพร่างกายก่อนเล่นกีฬา ไม่ควรเล่นกีฬาอย่างหักโหม ไม่ควรออกกำลังกายในช่วงที่อากาศเย็นจัดและแห้ง แต่หากจำเป็นควนสูดยาขยายหลอดลมก่อนออกกำลังกาย 10-15 นาที และหากมีอาการกำเริบต้องหยุดเล่นและรีบสูดยาเข้าช่วยโดยเร็วค่ะ