Author: pure
-
อาการวัยทองในเพศชายเป็นอย่างไร
อาการวัยทองในเพศชายเป็นอย่างไร ผู้ชายก็มีอาการวัยทองเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่แต่ผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายวัยทองนั้นจะอยู่ในกลุ่มอาการที่เรียกว่า aging male syndrome จะเกิดขึ้นในช่วงอายุตั้งแต่ 35-65 ปี แต่จะพบได้บ่อยในช่วง 40-55 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในร่างกายลดต่ำลง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะมีผลกับแรงขับทางเพศ การผลิตสเปิร์ม การสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก บางคนอาจลดลงมาก บางคนก็ลดลงน้อย และมีอาการแสดงออกมาหลายแบบได้แก่ – รู้สึกอ้วนขึ้น มีไขมันมากขึ้น กล้ามเนื้ออ่อนแรง กระดูกเปราะ กระดูกเสื่อม ผมร่วง – ปัสสาวะบ่อยขึ้น – โกรธ หงุดหงิดง่าย – มีความสนใจในเรื่องเพศน้อยลง – มีปัญหาเรื่องความจำและสมาธิ – ความมั่นใจในตัวเองลดลง ขาดพลังในการทำงาน ขาดแรงจูงใจ – นอนไม่หลับ นอนไม่เป็นเวลา นอนน้อยลง อาการเหล่านี้บางคนก็เป็นหลายอาการ บางคนก็เป็นเฉพาะไม่กี่อย่าง และมีความมากน้อยแตกต่างกันไป หากอาการเหล่านี้ทำให้ท่านต้องทุกข์ทรมาน หรือมีผลกระทบกับการใช้ชีวิตและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอรับคำปรึกษานะคะ
-
นอกจากไข้เลือดออก ยังมีโรคชิคุนกุนยา ที่ต้องระวังในฤดูฝนด้วย
นอกจากไข้เลือดออก ยังมีโรคชิคุนกุนยา ที่ต้องระวังในฤดูฝนด้วย ในฤดูฝนของทุกปีนั้น เรามักจะตื่นตระหนักและเฝ้าระวังแต่โรคไข้เลือดออก แต่ความจริงแล้วยังมีอีกหนึ่งโรคที่มีอาการใกล้เคียงกับไข้เลือดออกแล้วยังมียุงลายเป็นพาหะเช่นเดียวกันด้วย โรคนั้นก็โรคชิคุนกุนยานั่นเอง แม้ชื่อจะคล้ายภาษาญี่ปุ่น แต่ความจริงแล้วโรคนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา และชื่อชิคุนกุนยาก็เป็นภาษาของชาวพื้นเมืองของประเทศแทนซาเนียและโมซัมบิกแปลว่า ปวดเข้ากระดูก โดยโรคนี้พบครั้งแรกในประเทศแอฟริกาในปะ 2498 และระบาดไปหลายประเทศ โดยการแพร่เชื้อจากลิงบาบูนสู่คน และคนสู่คน โดยมียุงลายเป็นพายหะของโรค เริ่มระบาดเข้ามาในทวีปเอเชียราวปีด 2506 และยังแพร่กระจายเข้าไปในปากีสถาน สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยสันนิษฐานว่ามีจากการแรงงานชาวอินเดีย ที่มาค้าแรงงานข้ามชาติ อาการของโรคชิคุนกุนยาจะค่อนข้างคล้ายกับไข้เลือดออก คือ มีไข้สูงเฉียบพลัน มีผื่นตามตัว ตาแดง ปวดตามข้อหรือข้ออักเสบ ส่วนมากเป็นข้อเล็ก ๆ เช่น ข้อมือข้อเท้า บางคนก็ปวดมากจนขยับไม่ได้ มักจะหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์และสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีกในป 2-3 สัปดาห์ต่อมา โดยอาการปวดจะเรื้อรังเป็นเดือน แต่ก็ไม่พบว่ามีอาการช็อกหรือรุนแรงหรือมีเลือดออกแต่อย่างใด โรคชิคุนกุนยานี้เคยมีการระบาดมาแล้วในประเทศไทย ยังเป็นโรคที่ไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษาได้ แพทย์จะทำได้เพียงรักษาไปตามอาการเท่านั้น พบมาในฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่ยุงลายเพิ่มจำนวนขึ้น การป้องกันโรคนี้ที่ดีที่สุดก็คือการเข้าจัดการกับต้นตอของยุงลายก็คือทำลายลูกน้ำยุงลายและป้องกันการกำเนิดเสีย ด้วยปิดภาชนะใส่น้ำด้วยฝาให้มิดชิด รวมไปถึงแทงน้ำ โอ่งน้ำ ถังน้ำ หากไม่คว่ำก็ต้องปิดให้มิด จัดการแหล่งน้ำขังตามธรรมชาติ เปลี่ยนน้ำในแจกันและขารองตู้ทุกอาทิตย์หรือหยอดเกลือป้องกันยุงวางไข่ โรคนี้แม้จะไม่ถึงตายแต่ก็ทำให้ทรมานไม่น้อยเลย…
-
เฝ้าระวังเด็กมีไข้ช่วงหน้าฝน อาจเป็นไข้เลือดออก
เฝ้าระวังเด็กมีไข้ช่วงหน้าฝน อาจเป็นไข้เลือดออก ในช่วงหน้าฝนที่มีอุณหภูมิเย็นลง เด็ก ๆ มักมีอาการเป็นหวัดคัดจมูก น้ำมูกไหล กันอยู่บ่อย ๆ แต่อย่างไรก็เป็นช่วงที่ควรระมัดระวังให้มากกว่าช่วงอื่นของปีเพื่อในระยะนี้จะเป็นช่วงที่มี ไข้เลือดออก ระบาดได้มาก ไข้เลือดออกนั้นเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะ หากยุงลายไปกัดคนที่เป็นไข้เลือดออกอยู่แล้วไปกัดคนอื่น ๆ ต่อก็จะเป็นการแพร่กระจายเชื้อไปเรื่อย ๆ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2-7 วัน จากนั้นผู้ป่วยก็จะมีไข้สูงแบบเฉียบพลัน เบื่ออาหาร หน้าแดง ตัวแดง ปวดหัว และอาจจะมีผื่นหรือจุดแดงขึ้นตามลำตัว ร่วมกันอาการคลื่นไส้อาเจียน และปวดท้องร่วมด้วย บางคนก็มีเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน อุจจาระสีดำและช็อกได้ ให้สังเกตดูว่าหากไข้ลดแล้วผู้ป่วยยังซึมอยู่ ตัวเย็นกระสับกระส่าย ปวดท้อง อาเจียนหรือหมดสติ ให้รีบพามาโรงพยาบาลเพื่อรักษาอย่างเร่งด่วน มิเช่นนั้นอาจเสียชีวิตได้ หากในช่วงฤดูฝนนี้เด็ก ๆ เกิดเป็นไข้ขึ้นมา การดูแลเบื้องต้นก็คือให้ทานยาลดไข้พาราเซตามอลเท่านั้น แล้วเช็ดตัวเพื่อลดไข้ให้ ให้เด็กได้ดื่มน้ำบ่อย ๆ อาจเป็นน้ำผลไม้ น้ำเต้าหู้ น้ำแกงจืดก็ได้ ให้ทานอาหารที่ย่อยง่ายและนอนหลับพักผ่อนให้มาก ๆ ควรให้แต่ยาลดไข้พาราเซตามอลเท่านั้น เพราะยากลุ่มอื่นที่อาจเป็นยากลุ่มแอสไพรินจะเข้าไปขัดขางการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด ทำให้อาการรุนแรงขึ้น อาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหารและช็อกได้ สำหรับเด็กแล้วอาจให้ยาพาราเซตามอลชนิดน้ำเชื่อมก็ได้…
-
ใครที่ควรช่วยกันป้องกันโรคไข้เลือดออก
ใครที่ควรช่วยกันป้องกันโรคไข้เลือดออก ไข้เลือดออกนั้น ทุกวันนี้ก็ยังไม่มียาใดที่รักษาได้ หรือแม้แต่วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกก็ยังไม่มีเช่นกัน ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดก็คือต้องกำจัดการแพร่พันธุ์ของยุง และคนที่ควรช่วยกันป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ดีที่สุดก็คือตัวเราเองและคนในชุมชนทุกคน ด้วยการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมมิให้เหมาะสมกับการขยายพันธุ์ของยุงต่อไป – จัดการภาชนะที่มีน้ำขังต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกะละมัง บ่อ แทงค์น้ำถังน้ำ ที่อาจจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้ ให้จัดการปิดฝาและหมั่นตรวจสอบลูกน้ำยุงลายสม่ำเสมอ – ตรวจสอบรอยรั่วของท่อน้ำ แท่งน้ำเหล่านี้ด้วยว่ามีน้ำรั่วบ้างหรือไม่โดยเฉพาะในหน้าฝน – ขารองโต๊ะ ขารองตู้ทั้งหลาย น้ำในแจกัน ควรเปลี่ยนทุกอาทิตย์ หรืออาจจะผสมทราย เกลือ ลงไปเพื่อป้องกันลูกน้ำ – ตรวจสอบถาดรองน้ำตู้เย็น แอร์ เครื่องทำน้ำเย็น ที่อาจมีน้ำขังอยู่ – ตรวจสอบบริเวณรอบบ้านของตนเองว่ามีแหล่งน้ำขังหรือไม่ แม้แต่ในท่อระบายน้ำบนหลังคาด้วย – ในส่วนของขวดน้ำ กระป๋อง ภาชนะที่เก็บกักน้ำได้อื่น ๆ หากไม่ใช้แล้วให้ใส่ถุงทิ้ง หรือฝังดินไม่ให้น้ำขัง รวมไปถึงยางเก่า ๆ ก็เช่นกันเพราะเป็นแหล่งที่ขังน้ำได้ – รั้วไม้ ต้นไม้ที่มีรูกลวง ให้นำคอนกรีตเทปิดรู ต้นไผ่ต้องตัดตรงข้อพอดี – ควรเลี้ยงปลาในอ่างที่ปลูกต้นไม้ หรือตามแหล่งน้ำธรรมชาติ – ควรสวมเสื้อผ้าที่หนาและมีสีอ่อน ๆ…
-
5 กลุ่มโรคที่มาพร้อมกับฤดูฝน
5 กลุ่มโรคที่มาพร้อมกับฤดูฝน เพราะในหน้าฝนมีอุณหภูมิที่เริ่มเย็นลง กับมีความชื้นในอากาศที่สูงขึ้น ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเช่นนี้ ทำให้มีหลายโรคที่ระบาดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งโรคดังกล่าวก็ได้แก่ 5 กลุ่มโรคต่อไปนี้ทำควรป้องกันการติดต่อมากเป็นพิเศษ 1. กลุ่มโรคทางเดินอาหาร ทั้งท้องร่วง ไทรอยด์ บิด อาหารเป็นพิษ เกิดจากการทานอาหารที่มีเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาจมีไข้และปวดบิดในท้อง หากติดเชื้อบิดก็อาจถ่ายเป็นมูกหรือมีเลือดปนออกมากับอุจจาระได้ จึงควรระวังการทานอาหารมากเป็นพิเศษ ควรทานอาหารที่สุกใหม่ ๆ และใช้ช้อนกลางด้วย 2. กลุ่มโรคติดเชื้อทางเยื่อบุผิวหนังหรือบาดแผล ที่พบได้บ่อยก็โรคฉี่หนู อาการจะมีไข้สูง ปวดหัวมาก มักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่องและโคนขาอย่างรนแรง ตาแดง มักเกิดในที่น้ำท่วม ผู้ที่บ้านมีหนูมาก ชาวไร่ชาวสวน ผู้ที่ทำงานกับการแช่น้ำ ในที่เฉอะแฉะ หรือผู้ที่ทำงานลอกท่อระบายน้ำ ทำงานเหมืองแร่ โรงฆ่าสัตว์ คนงานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ ฯลฯ 3. กลุ่มโรคทางเดินหายใจ ได้แก่ หวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบหรือปอดบวม รวมไปถึงโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่มีแหล่งแพร่ระบาดจากสัตว์ปีก ซึ่งเชื้ออาจข้ามสายพันธุ์กับเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในหน้าฝนได้ 4.…
-
ทานเนื้อสัตว์แปรรูปมาก ๆ อาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
ทานเนื้อสัตว์แปรรูปมาก ๆ อาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ไส้กรอก หมูแฮม เบคอน เป็นอาหารที่ซื้อหาทานได้ง่าย และหลาย ๆ คนก็ชอบด้วย เพราะหาซื้อง่าย กินก็อร่อย แต่รู้กันบ้างหรือเปล่าคะว่า สารโซเดียมไนไตรท์ ที่ผสมอยู่ในอาหารเหล่านี้นั้นหากทานมากเกินไป จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ โซเดียมไนไตรท์นี้ จะผสมอยู่ในอาหารแปรรูปจำพวกไส้กรอก แฮม เบคอน แหนม กุนเชียง ไส้กรอกเปรี้ยว มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว คล้ายน้ำตาลทราย ผสมลงไปเพื่อให้คงสภาพของสีสันและกลิ่นของไส้กรอกไว้ได้นาน ๆ หากได้รับสารนี้ในปริมาณมากก็จะเป็นอันตรายได้ เมื่อสารชนิดนี้ทำปฏิกิริยาเคมีกับเนื้อสัตว์อาจทำให้เกิดโรคชนิดเฉียบพลัน และโรคเรื้อรังเช่นมะเร็งได้ เมื่อเราทานอาหารเหล่านี้ลงไป ไนไตรท์จะทำปฏิกิริยาในร่างกายเกิดเป็นกรดไนตรัสขึ้นมา เมื่อเราทานโปรตีนลงไปจะทำปฏิกิริยากับโปรตีน เกิดเป็นไนโตรซามีน ซึ่งไนโตรซามีนนี่ล่ะค่ะเป็นสารก่อเกิดมะเร็ง หากเราทานอาหารที่มีไนไตรท์สะสมไว้นาน ๆ สารนี้ก็จะทำปฏิกิริยาภายในร่างกายเราไปเรื่อย ๆ เราจึงมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ นั่นเอง แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่สามารถทานอาหารเหล่านี้ได้เลย เพียงแต่เลือกทานน้อย ๆ และนาน ๆ ทานทีหนึ่งก็พอ ควรทานเนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงสุกแบบสดๆ ใหม่ ๆ ดีกว่า เพราะจะไม่เกิดสารพิษตกค้างในร่างกายมากเท่าอาหารแปรรูป และควรเลือกทานอาหารให้หลากหลายมากขึ้น เพิ่มสัดส่วนของผักและผลไม้เข้าไป…
-
ระวังดวงตามีปัญหาจากยาสตีรอยด์ได้
ระวังดวงตามีปัญหาจากยาสตีรอยด์ได้ ยาในกลุ่มสตีรอยด์หรือคอร์ติโคสตีรอยด์ เป็นยาที่สังเคราะห์จากฮอร์โมนชนิดหนึ่ง มีหลายประเภท ซึ่งในทางจักษุวิทยา นิยมใช้ยากลุ่มนี้ในการรักษาการอักเสบในช่องหน้าลูกตาหรือเยื่อบุตา หรือกระจกตาอักเสบบางประเภทได้ รวมทั้งการอักเสบหลังการผ่าตัด ฯลฯ ซึ่งข้อดีของยานี้ก็คือลดการอักเสบได้หลายโรค โดยเฉพาะการอักเสบหรือภูมิแพ้ชนิดที่เป็นรุนแรง แต่หากใช้อย่างต่อเนื่องก็อาจทำให้มีผลข้างเคียงได้หลายประการ 1. ต้อหิน หากหยอดยากลุ่มสตีรอยด์เกินกว่าสองอาทิตย์ขึ้นไปอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการระบายน้ำหล่อเลี้ยงในลูกตา ทำให้ความดันตาสูงขึ้นและทำลายขั้วประสาทตาจนเกิดต้อหินได้ ซึ่งในระยะแรกจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาแต่จะค่อย ๆ แสดงอาการมากขึ้น จนสูญเสียลานสายตา ตาพร่ามัวจนสุดท้ายก็ตาบอด การรักษานั้นก็ควรรีบหยุดยาสตีรอยด์ที่ใช้อยู่ จะทำให้ความดันตาลดลง แต่หากเป็นต้อหินระยะรุนแรงแล้วแม้จะหยุดยาความดันตาก็อาจไม่ลดลง อาจต้องให้ยาลดความดันลูกตา เพื่อชะลอการสูญเสียสายตา และต้องติดตามรักษาอย่างต่อเนื่องด้วย 2. ต้อกระจก เกิดจากยาหยอดและยากิน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิซึมของเลนส์ตา เลนส์ตาจึงขุ่นและเป็นต้อกระจกได้ ผู้ป่วยจะตามัวโดยค่อย ๆ มัวลงคล้ายหมอกบัง การหยุดยาหลังจากเป็นไปแล้วจะไม่สามารถทำให้ดวงตากลับมาใสเหมือนเดิมได้อีก 3. ตาติดเชื้อ เกิดจากยาลดการอักเสบ ซึ่งยานี้ก็มีฤทธิ์ในการลดภูมิต้านของร่างกายได้ด้วย ทำให้เกิดการติดเชื้อบางอย่างได้ 4. เปลืองตาบางตัวลง มักเกิดจากยาหยอดหรือยาป้ายตา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อและเซลล์เม็ดสีของผิวหนังเปลือกตา ทำให้ผิวหนังบริเวณนี้สีดูจางและบางตัวลง 5. ผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้แก่ รูม่านตาขยายขึ้น หนังตาตก มักพบในรูปยาหยอดตา…
-
ขจัดความขัดแย้งในที่ทำงาน
ขจัดความขัดแย้งในที่ทำงาน เพราะในที่ทำงานคือสถานที่ที่มีคนหลายคนมาอยู่ด้วยกัน เมื่อทุกคนเกิดมาต่างคนก็ต่างมีอีโก้เป็นของตนเอง การมาอยู่รวมกันมาก ๆ ก็อาจมีความขัดแย้งกันขึ้นมาได้ แต่วันนี้เราจะนำเอาหนทางในการสร้างความสามัคคีในองค์กรมาฝากกันค่ะ โดยแนวคิดเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานที่อื่น หรือกลุ่มสังคมอื่นได้ด้วยนะคะ 1. มีเป้าหมายเดียวกัน และเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน ลองตรวจสอบดกว่าเป้าหมายภายในองค์การมีความชัดเจนหรือไม่ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความต้องการให้องค์กรเข้าไปสู่เป้าหมายให้ได้มากที่สุดหรือเปล่า หรือเกิดจากความผิดพลาดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกันแน่ หากสามารถหาต้นตอและจุดประสงค์ของแต่ละฝ่ายได้ ก็จะสามารถป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ 2. พนักงานควรแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน โดยมากแล้วความไม่พอใจในเรื่องส่วนตัวนี่ล่ะค่ะที่เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งและการกลั่นแกล้งกันในที่ทำงาน ซึ่งหากเป็นแบบนี้องค์กรคงไปไม่รอด การแก้ไขก็คือการสร้างความรู้จักกันในองค์กรให้มากขึ้น อาจเป็นการไปพักร้อนด้วยกันหรือไปทำกิจกรรมด้วยกัน เพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างแผนกให้ได้มากขึ้น อีกทั้งควรพยายามหลีกเลี่ยงการคุยในเรื่องอ่อนไหวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ศาสนา การเมือง เป็นต้น 3. ต้องเป็นองค์กรที่มีความยุติธรรม เจ้าของกิจการ เจ้าของบริษัท หรือแม้แต่หัวหน้างานควรมีความยุติธรรมให้กับลูกน้อง ให้เกียรติทุกคนเท่ากัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง หากต้องการดุคนที่ผิดก็ควรทำในที่สองต่อสอง ไม่ดุด่าประจานต่อหน้าคนอื่นให้เสียใจเสียหน้า เพราะเค้าอาจจะไม่อยู่กับคุณอีกต่อไป รวมไปถึงทำให้พนักงานคนอื่นขวัญหนีดีฝ่อด้วย และหากเป็นความขัดแย้งระหว่างพนักงานด้วยกันเองควรเรียกมาเคลียร์กันด้วยสติและใจเย็น ไม่ใช่ไปท้าตีกันนอกห้องประชุม หาข้อยุติที่เป็นธรรมกับสองฝ่าย เป็น Win-Win Situation เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานต่อไปได้โดยไม่เสียหน้า หรือเสียกำลังใจ รวมไปถึงหากมีปัญหาในองค์กรทุกคนควรหาทางถอยหรือเสียสละบ้าง เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และอย่าลืมว่าการแก้ไขปรับปรุงระบบเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ เรียบร้อยมากขึ้นในอนาคตด้วย 4. มีการจัดการปัญหาอย่างรวดเร็วไม่หมักหมมไว้…
-
เลือกทานผักให้ดี อย่าเลือกชนิดที่อาบสารพิษ
เลือกทานผักให้ดี อย่าเลือกชนิดที่อาบสารพิษ ผักสด ๆ สวย ๆ ที่เห็นขายกันตามตลาดหรือซูปเปอร์สโตร์ก็ตามนั้น หลายชนิดพบว่าเมื่อนำมาพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วก็พบว่าเป็นผักที่อุดมไปด้วยสารพิษจำนวนมาก เป็นสารพิษตกค้างที่เกิดขึ้นระหว่างการปลูกและการขนส่งด้วย ดังนั้นการซื้อหาผักมารับประทานก็คงต้องเลือกให้ดี และจำเป็นต้องรู้ที่มาของผักและวิธีการปลูกผักนั้น ๆ ด้วย เพื่อความปลอดภัยของเรา และถ้าเป็นไปได้ คุณอาจลองปลูกผักทานเองก็จะได้ผักที่ปลอดสารพิษจริง ๆ ทำให้สุขภาพดีและแน่นอนว่าไม่มีสารพิษตกค้างให้หวาดระแวง คุณอาจปลูกลงกระถางไว้ที่ระเบียงหรือในสวนหลังบ้านก็ได้ ไม่จำเป็นต้องปลูกขึ้นรั้วบ้านหรือปลูกลงดินให้ลำบากแต่อย่างใด แต่แน่นอนว่าหากคุณไม่สะดวกในการปลูกผัก หรือต้องการกินผักให้หลากหลายขึ้นก็ยังจำเป็นต้องมีการซื้อหาจากตลาด การเลือกผักที่จะทำให้ทานได้ปลอดภัยกว่า ก็น่าจะเลือกผักที่ขึ้นตามฤดูกาล เลือกซื้อชนิดที่มีพอมีรูพรุนจากแมลงบ้าง เลือกทานผักพื้นบ้านก็จะปลอดภัยขึ้น การเลือกทานผักที่ขึ้นนอกฤดูกาลนั้นเป็นการบอกว่าผักเหล่านั้นต้องใช้สารเคมีเร่งโตมาอย่างแน่นอนค่ะ และเพื่อความปลอดภัยให้มากขึ้นเมื่อซื้อผัก ผลไม้ต่าง ๆ มาแล้วก็ควรล้างให้สะอาดด้วยด่างทับทิม ให้ละลายด่างทับทิมลงในกะละมังแช่ผักแล้วนำผักลงไปแช่ไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นนำมาล้างให้สะอาด ๆ หลาย ๆ น้ำ ผักก็จะปลอดสารพิษกว่า 90% ได้แล้ว หรือหากไม่มีด่างทับทิม ก็สามารถล้างด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านแล้วเอามือช่วยถู ๆ ผัก เปิดให้ไหลผ่านผักสัก 2 นาทีก็จะช่วยให้ปลอดสารพิษได้ราว 70-80% เลยนะคะ
-
ระวังอาการเจ็บข้อมือจากการใช้คอม อาจทำให้คุณเป็นโรคพังผืดได้นะ
ระวังอาการเจ็บข้อมือจากการใช้คอม อาจทำให้คุณเป็นโรคพังผืดได้นะ เดี๋ยวนี้วิถีการทำงานของคนเรามักต้องมีการใช้คอมพิวเตอร์ ต้องจับเม้าส์กันแทบทุก ๆ วัน บางคนใช้มาก ๆ นับสิบปีจนข้อมือเริ่มปวดเมื่อย ทำอย่างไรก็ไม่หาย บางคนก็เจ็บมากจนไม่สามารถใช้มือในการควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้เลย ซึ่งมีความเสี่ยงในการเป็นโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทได้ โรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นเนื่องจากเกิดพังผืดที่หนาตัวขึ้นบริเวณข้อมือด้านฝ่ามือ และไปกดเอาเส้นประสารทมีเดียน ซึ่งอยู่ผ่านช่องข้อมือแขนงที่ไปยังนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง ทำให้มีอาการปวดและชาตามนิ้วมือ แต่ถ้านานไปก็จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณฝ่ามือด้านนิ้วหัวแม่มือลีบเล็กลงได้ ซึ่งการรักษาอาจต้องใช้การผ่าตัด ดังนั้นเราควรป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีกว่าด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ค่ะ – ในขณะทำงานระหว่างวัน ควรพักข้อมือทุก ๆ 15-20 นาทีด้วยการบริหารข้อมือและมือทั้งสองข้าง – จัดตำแหน่งของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้พอดีกับแขน เพื่อให้สามารถจับเม้าส์และคีย์บอร์ดได้แบบสบาย ๆ ไม่เหยียดหรืองอข้อมือ – เวลาพิมพ์งานให้ท่อนแขนวางอยู่ในแนวขนานกับพื้น – หาแผ่นรองเม้าส์แบบนุ่ม ๆ หรือมีเจลรองข้อมือด้วยจะดีมาก – เคลื่อนไหวข้อมือให้ถูกท่าทาง ทั้งเวลาที่หยิบของให้ออกแรงทั้งมือและนิ้วมือ – หลีกเลี่ยงงานอดิเรกหรือกิจกรรมที่ต้องใช้งานข้อมือมาก ๆ ซ้ำๆ ท่าเดิม โดยเฉพาะท่างอเข้าหรือกระดกข้อมือมาก ๆ อย่างการถักโครเชต์ ถักนิตติ้ง หากมีอาการปวดเจ็บข้อมือขึ้นมาแล้วก็ควรพักข้อมือให้หายดีก่อนที่จะกลับไปทำงานใหม่ด้วยนะคะ อย่าทรมานตัวเองเลยค่ะ